ckeng

ผู้เขียน : ckeng

อัพเดท: 19 พ.ย. 2012 09.31 น. บทความนี้มีผู้ชม: 10815 ครั้ง

ทำอย่างไรให้มีความสุข


จุดเริ่ม

������� จุดเริ่ม ถ้าจะคิดกันให้ดีๆว่าอนาคตที่จะเป็นอะไรหรือทำอะไร จุดเริ่มก็น่าจะอยู่ในวัยมัธยมต้นหรือประมาณ ม.3 เทอมปลายซึ่งจะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตก็ว่าได้ เพราะจะมีแรงกดดันหลายๆประการ ทั้งการเรียน ร่างกายที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปตามวัย สภาพแวดล้อมของสังคมทั้งภายในและภายนอกของครอบครัว การพบการจากของเพื่อนฝูง นับว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเลยก็ว่าได้� ถ้าครอบครัวไหนมีการอบรมเลี้ยงดูแบบเอาใจใส่หรือเป็นพี่เลี้ยงที่ดีการตัดสินใจ ความอ่อนไหวในความคิด ก็จะเป็นแนวทางบวก แต่ถ้าบ้านไหนมีปัญหา ผลกระทบก็จะตามกันไปเป็นเหมือนกระแสคลื่น แต่สิ่งใดๆก็ไม่สำคัญไปกว่าความแข็งแกร่งในตัวบุคคลนั้นๆว่าจะตัดสินใจอย่างไรโดยมีองค์ประกอบที่กล่าวมาเป็นเพียงพี่เลี้ยงที่จะดีเลิศหรือสุดแย่ เพราะอนาคตอยู่ในกำมือของเขาและการยอมรับในสังคมเท่านั้น

หลังจากคำแนะนำจากเพื่อนบ้าง ครูบ้าง และสิ่งสุดท้ายที่บุคคลเหล่านั้นต้องการก็คือสถาบันครอบครัวซึ่งเปรียบเสมือนครูคนแรกที่คอยให้การอบรมสั่งสอนเลี้ยงดู เขาเหล่านั้นก็ข้ามจากวัยเด็กเข้ามาสู่วัยรุ่นที่แสนจะยุ่งเหยิง วุ่นวายอย่างมหาศาล ต้องพบการเปลี่ยนแปลงทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคมใหม่ๆอีกหลายหลายรูปแบบที่เขาไม่เคยพบเจอ ความตื่นตัวที่เปิดรับสิ่งใหม่ สภาวะการณ์ใหม่ ทั้งที่มีเหตุผลและไม่มีเหตุผลมักจะเกิดในช่วงชีวิตนี้ และวัยนี้เราทั้งหลายทราบดีว่าพวกเขาเหล่านั้นจะมีความเป็นตัวเองค่อนข้างสูง และก็จะมีความคิดเห็นต่อต้านสังคม นั้นไม่ใช่ว่าพวกเขาเหล่านั้นต่อต้านอย่างจริงจัง แต้พวกเขาเหล่านั้นอยู่ในสภาวะที่เกิดการสับสน ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร จะมีความคิดเห็นอย่างไร เมื่อไม่ได้รับการชี้แนะจากคนที่รักหรือไว้ใจ เขาก็จะเขาไปหาคนที่อยู่ใกล้เขาเป็นลำดับต่อไป และนั่นก็คือเพื่อน ซึ่งก็มีภาวะสังคมพอๆกับเขาเหล่านี้นมีทั้งในด้านบวกและลบ มีถูกบ้าง ผิดบ้างตามประสาวัยของเขา ที่ได้รับตกแต่งแต้มสีสรรมาอย่างไรในวัยเด็ก ช่วงนี้เขาเหล่านั้นจะเห็นเพื่อนเป็นลำดับแรก

เวลาอีก3 ปีที่ยาวนานในการตัดสินใจว่าจะเรียนอะไร เรียนแล้วจะไปทำอะไร ไหนจะต้อสอบ ไหนจะต้องเรียนพิเศษ และกิจวัตรประจำวันที่แปรเปลี่ยนไปจากวัยเด็กอีก สิ่งเร้าเหล่านี้มีผลต่อพฤติกรรมในอนาคต ของพวกเขาเหล่านั้น ความกดดันเหล่านั้นมีผลต่อจิตใจอย่างมาก บางคนก็มีนิสัยก้าวร้าว บางคนก็ขลาดกลัวไปเลย� ในสภาวะการณ์ต่างๆนี้จะส่งต่อไปในยามที่เขาเป็นผู้ใหญ่� พอจบมัธยมปลายคนที่เรียนเก่งก็หวังจะได้มหาวิทยาลัยปิดที่มีชื่อเสียงบ้างละ ไปเรียนต่อต่างประเทศบางละ ส่วนคนที่เรียนปานกลางที่รู้ตัวเองว่าไปไม่ไหวก็ไม่สู้รบตบมือกับมหาลัยก็ไปเรียนด้านสายวิชาชีพเพื่อจะได้เป็นเป้าหมายในอนาคต นั้นก็แล้วแต่นานาจิตตังของแต่ละบุคคลจะวาดฝันกันไว้ หลังจากเขาสู่แวดล้อมของมหาลัยพวกเขาเหล่านั้นก็ก้าวผ่านกับวัยรุ่นตอนต้นมาพร้อมที่จะต้องรับผิดชอบในตัวเอง ต้องตัดสินใจบางเรื่องด้วยตัวเอง ต้องเผชิญปัญหาด้วยตัวเอง อยู่ในช่วงต้นของการเป็นผู้ใหญ่ ทีสังคมอีกคนละแบบ ต้องมีความแน่วแน่และเข้มแข็งในตัวเอง เพราะในวัยนี้ก็เป็นช่วงที่ต้องตัดสินใจถ้าตามเพื่อนมากไปก็มีทั้งดีและไม่ดี เที่ยวมากไปก็มีผลต่างๆนานามาให้ตัดสิน ช่วงระยะเวลานี้เขาเหล่านั้นจะว่าเป็นช่วงที่มีความสุข และสนุกสนานกันอย่างเต็มวัย เพราะการรับผิดชอบทางด้านครอบครัวยังมีไม่ค่อยมากเท่าไร ยังมีคนคอยสนับสนุน จนเขาเหล่านั้นได้จบจากการศึกษา ฉนั้นในวัยมหาวิทยาลัยจึงเป็นวัยที่เขาเหล่านั้นกอบโกบเอาความสุข อิสระเสรีในความคิด การเที่ยวเตร่ การคบหาสมาคมระหว่างเพื่อนฝูง ได้อย่างเต็มที่จึงนับว่าวัยนี้เป็นวัยที่มีความสุขมากที่สุด แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาเหล่านั้นได้ประพฤติตามธรรมนองครองธรรมหรือไม่


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที