นวัตกรรมหัวใจ
เฮ้ย! ไอโฟนสี่ใกล้เปิดตัวแล้วนะเว้ย
รู้นานแล้วว่ะ พยายามเก็บตังค์อยู่เนี่ย
บทสนทนาระหว่างเด็กวัยรุ่นสองคนที่ข้าพเจ้าเพิ่งได้ยินผ่านหูมาเมื่อไม่นานมานี้ ได้กลายเป็นความเคยชินที่แสนจะธรรมดาในสังคมปัจจุบัน ขณะเดียวกันก็ได้สะท้อนถึงสภาพการณ์หลายอย่างซึ่งบางครั้งก็ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกเหน็ดเหนื่อยใจขึ้นมาในบางความคิด
หากถามข้าพเจ้าว่าคิดเห็นอย่างไรเมื่อพูดถึงคำว่านวัตกรรม สิ่งแรกที่ข้าพเจ้าจะรำพึงออกมากับตัวเองคงเป็นคำพูดสั้นๆ ว่า การเปลี่ยนแปลง พร้อมกับความคิดหลากหลายที่วนเวียนอยู่ในหัวสมอง ยากจะให้คำตอบที่ซื่อตรงกับตัวเองยิ่งนัก
ในปัจจุบัน โลกดำเนินต่อไปไม่หยุดยั้ง เหมือนดั่งกระแสเวลาที่ยังคงไหลเวียน หนึ่งชีวิตจบไป หนึ่งชีวิตเกิดขึ้นใหม่ นวัตกรรมที่หลากหลายได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงบนโลกของเรา เหมือนเหรียญที่มีสองด้าน มีทั้งด้านดีบ้างและบ้างไม่ดีบ้างสลับสับเปลี่ยนกันไป เมื่อหันไปมองรอบตัวอีกทีข้าพเจ้าก็รู้สึกขึ้นมาว่า นี่โลกของเราก้าวไกลมาถึงขนาดนี้เชียวหรือ? แล้วต่อไปเล่า? อาจเป็นข้อสงสัยที่กำลังตกค้างอยู่ในใจของใครอีกหลายคนขณะนี้
หากกล่าวว่านวัตกรรมนั้นเกิดขึ้นมาจากหัวใจที่เรียกร้องต่อสิ่งใหม่ ความปรารถนาอย่างรุนแรงต่อสิ่งที่ดียิ่งขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด คงน่าขัน หากสุดท้ายแล้วนวัตกรรมได้หันกลับมาเปลี่ยนหัวใจของคน
แน่นอนว่าข้าพเจ้ายังคงเป็นมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่งที่ไม่อาจปฏิเสธว่ารักความสบายเป็นอย่างยิ่ง และพึงพอใจในสิ่งที่ได้มาอย่างรวดเร็วง่ายดาย จนบางครั้งถึงกับลืมเลือนความรู้สึกประทับใจในช่วงเวลาหลังผ่านความพยายามอย่างหนักหน่วงเพื่อไขว่คว้าบางสิ่งบางอย่างมา จดจำไม่ได้แล้วว่ามันเป็นช่วงเวลาที่หอมหวานและมีค่าเพียงใด นึกแล้วก็เสียดายเหลือเกิน
นวัตกรรมบางอย่างอาจสร้างประโยชน์อย่างมากมายให้กับโลก ทว่าในขณะเดียวกันก็สามารถทำลายโลกได้อย่างที่พวกเราไม่เคยนึกฝัน คุณประโยชน์นานัปการที่แอบแฝงไว้ด้วยผลร้ายเล็กๆ สะสมต่อเนื่องมาจนสะท้อนออกมาให้เห็นชัดอยู่ทุกวันนี้ ข้าพเจ้านึกสงสัยนักว่าหากสามารถเลือกที่จะย้อนเวลากลับไปในอดีตแล้วหยุดนักวิทยาศาสตร์ไม่ให้คิดค้นเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายขึ้นมาได้ จะมีใครบ้างที่เลือกหนทางนี้ ซึ่งก็เป็นเพียงความคิดอย่างบ้าบอของข้าพเจ้าที่ผุดขึ้นมาฉับพลัน สุดท้ายแล้วความอ่อนแอต่อความปรารถนาในเทคโนโลยีเหล่านี้ยังคงเอาชนะข้าพเจ้าได้อยู่ดี
บางทีบทความนี้คงจะถูกลืมเลือนไปจากความทรงจำของผู้อ่านด้วยเวลาเพียงไม่นาน จากนั้นตัวข้าพเจ้าเองก็อาจเข้าร่วมโครงการเก็บเงินซื้อเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกสบายมาอยู่ในความครอบครองตามกระแสสังคมปัจจุบันที่พัดพาไป ซึ่งหากต่อต้านกระแสนั้นแต่เพียงคนเดียว ผู้คนรอบตัวคงติดปีกที่เรียกว่านวัตกรรม แล้วบินนำหน้าข้าพเจ้าไปถึงไหนต่อไหน จะทำอย่างไรได้ในเมื่อยังอาศัยอยู่ในสังคม และโดยธรรมชาติของมนุษย์นั้นเองก็เป็นสัตว์สังคม
ข้าพเจ้าไม่กล้าปฏิเสธว่านวัตกรรมใหม่ๆ นั้นอาจมีคุณอนันต์มากกว่าโทษก็ได้เมื่อลองจิตนาการถึงโลกที่คงที่ ไม่มีนวัตกรรมใดเข้ามาอิทธิพล แต่จะเป็นไปได้จริงหรือ? ตราบใดที่เวลายังคงเดินต่อไปไม่หยุดยั้ง เราจะห้ามโลกไม่ให้เปลี่ยนแปลงได้อย่างไร นอกเสียจากทำใจยอมรับแล้วทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เมื่อคิดได้กระนั้นคงไม่สำคัญอีกต่อไปว่า ดีแล้วหรือที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นมาไม่หยุดหย่อน นับตั้งแต่อดีตกาลมาจนถึงปัจจุบัน
เมื่อลองคิดไปคิดมาท่ามกลางความสับสน ข้าพเจ้าก็พบว่าสิ่งที่เปลี่ยนหัวใจพวกเราและโลกใบนี้นั้นไม่ใช่นวัตกรรม แต่เป็นหัวใจของเราเอง
กระแสสังคม นวัตกรรม หรืออะไรก็ตามที่พัดพาตัวของเราให้ดำเนินชีวิตไปตามกระแสอันรุนแรงทั้งหลายนี้อาจครอบงำวิถีชีวิตของมนุษย์ได้บางส่วน แต่หัวใจจะยังคงเป็นของเราตราบใดที่มั่นคงไม่พ่ายแพ้ต่อกิเลศ และมีสติที่แน่วแน่ มองให้เห็นถึงสภาพความเป็นไป
ปลุกตัวเองให้ตื่น!
เป็นคำพูดจากใครบางคนที่เฝ้าย้ำกับข้าพเจ้าอยู่ทุกวัน
คงเป็นเรื่องน่าเศร้าหากนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจากความปรารถนาในหัวใจของเรานั้นได้เข้ามาแทรกซึมในวิถีชีวิตเกินกว่าขอบเขตที่พึงมี และสุดท้าย อำนาจของอิทธิพลนั้นก็ได้เปลี่ยนหัวใจของมนุษย์เราให้ด้านชาไม่ต่างไปจากหุ่นยนต์ ลืมเลือนความอ่อนโยนต่อทุกสรรพสิ่งบนโลกนี้ไป
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าโลกใบนี้จะเปลี่ยนไปอย่างไร หรือหมุนกลับทิศเข้าสักวัน ข้าพเจ้าได้แต่ภาวนาให้หัวใจอันดีงามของพวกเราทุกคนยังคงเข้มแข็งไม่แปรผัน
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที