TPA Magazine

ผู้เขียน : TPA Magazine

อัพเดท: 03 พ.ย. 2006 16.35 น. บทความนี้มีผู้ชม: 8349 ครั้ง

นักเรียนที่อยากจะมาเรียนที่ญี่ปุ่นไม่ว่าจะด้วยทุนส่วนตัวหรือได้ทุนจากองค์กรไหน มาก็ตาม หลายคนกังวลเรื่องที่พักเป็นอันดับต้นๆ เลยใช่ไหมคะ (^_^)


by Kisara

เป็นเรื่องถูกต้องแล้วค่ะที่จะต้องคิดถึงเรื่องที่พักเป็นอันดับแรกๆ โดยเฉพาะคนที่มา โดยทุนส่วนตัว ขอแนะนำให้คิดถึงความสำคัญของที่พักไว้พอๆ กับที่เรียนเลยนะคะ เพราะ นอกจากค่าเรียนแล้ว ค่าใช้จ่ายในการเดินทางและการกินอยู่ก็เป็นปัจจัยสำคัญในการใช้ ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่นนี้ค่ะ

ไม่ใช่คิดแค่ว่าขอให้มีแค่ที่นอน อยู่ที่ไหนก็ได้ เพราะยังไงก็ไปเรียนเป็นหลักอยู่แล้ว (^_^;) ลองคิดดูสิคะว่า ถ้าหอที่เราอยู่นั้นอยู่ไกลกับมหาวิทยาลัยที่เราเรียนมากจะเป็น อย่างไร ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปกลับเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่ เดี่ยวค่าหอที่เราว่าถูกจะกลาย เป็นไม่ถูกไปอย่างที่คิดนะคะ แล้วลองคิดสิคะว่า ถ้าแถวหอที่เราอยู่นั้นอยู่ไกลจากซูเปอร์ มาร์เก็ตมาก เวลาเราไปซื้อกับข้าวทีจะทำยังไง ต้องแบกข้าว 5 กิโล ขึ้นรถเมล์ 3 ป้าย เดินต่ออีก 300 เมตร เราจะไหวไหม (^_^;)

โดยทั่วไปแล้วแต่ละมหาวิทยาลัยจะมีหอสำหรับนักเรียนต่างชาติให้ค่ะ บางมหาวิท ยาลัยมีหลายแคมปัส มีหลายหอ เราต้องดูให้ดีๆ ว่า เราเรียนที่แคมปัสไหนเป็นหลัก ควร เลือกหอที่ไหน ในกรณีหอของมหาวิทยาลัย เราอาจเลือกอะไรไม่ได้มาก แต่ก็การันตีความ สะดวกหลายๆ อย่างให้ได้ว่า คงจะไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมาก ราคาไม่แพง ไม่ต้องหา คนญี่ปุ่นมาค้ำประกันให้ และมีเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นเอาไว้ให้เราแล้ว อีกทั้งยังมักจะมี ติวเตอร์คนญี่ปุ่นไว้ให้คำปรึกษาแก่นักเรียนต่างชาติด้วย แต่ข้อเสียก็คือ อาจจะมีรูมเมท (เพื่อนร่วมห้อง) ที่เราเลือกไม่ได้ ห้องและเฟอร์นิเจอร์อาจจะเก่าๆ ไปบ้าง แต่ก็กำลังดี สำหรับ ผู้เริ่มต้นนะคะ (^_^)

ส่วนคนที่กะว่าจะไม่อยู่หอของมหาวิทยาลัย หรืออยากเข้าสถานศึกษาที่ไม่มีหอให้ เราอยู่ จะต้องพบกับความลำบากอยู่หลายประการค่ะ
(-_-;)

เนื่องจากห้องเช่าที่ญี่ปุ่นนั้นส่วนใหญ่ นอกจากจะต้องทำสัญญากันเป็นปีแล้ว ยังต้อง มีคนมาค้ำประกันให้ซึ่งต้องเป็นคนญี่ปุ่นด้วย (แล้วคนญี่ปุ่นทั่วไปเค้าก็จะไม่ค้ำประกันให้ กันสุ่มสี่สุ่มห้าค่ะ ไม่ใช่ว่าไปขอให้เพื่อนค้ำให้เราได้ง่ายๆ) โดยส่วนใหญ่แล้วต้องเป็นคนที่ ทำงานทำการ ดูน่าเชื่อถือด้วย นอกจากนี้ ห้องเช่าบางท ี่ ก็ไม่รับคนต่างชาติด้วยนะคะ จึง ควรต้องศึกษาให้ดีๆ ก่อน ค่ะ แล้ว จะ ศึกษายังไงดีล่ะ? (^_^;)

ถ้าอยู่ที่ญี่ปุ่น ก็เดินเข้าตามร้านหนังสือหรือตามแผงหนังสือในร้านสะดวกซื้อได้เลย ค่ะ จะมีนิตยสารหาห้องเช่าอยู่ โดยจะแบ่งตามเขตพื้นที่ให้เราด้วย ต้องรู้ก่อนว่าสถาน ศึกษาของเราอยู่ในพื้นที่ไหน ทีนี้ก็ซื้อมาดูเลยค่ะ นิตยสารห้องเช่าของญี่ปุ่นจะบอกไว้ค่อน ข้างละเอียดว่าในห้องมีอะไรบ้าง อยู่ห่างจากสถานีอะไร เท่าไหร่ (แต่ก็เป็นภาษาญี่ปุ่นทั้ง หมด) รวมถึงมีรูปแผนผังห้องให้ดูด้วยนะคะ (^_^)

โดยทั่วไปแล้วคนญี่ปุ่นจะแบ่งขนาดกว้างของห้องตามจำนวนของ เสื่อ ท า ท า มิค่ะ ถ้า ห้องกว้างขนาด 1 เสื่อก็จะนับเป็น 1 - joo (อิชิ โจ) ความกว้างขนาดที่คนคนเดียวพอจะอยู่ ได้ต้องประมาณ 4 เสื่อขึ้นไป ทางที่ดีเราอยากได้ห้องแบบไหน ควรจะมีการจัดลำดับ ความสำคัญในแต่ละข้อไว้ก่อนก็ดีว่า ข้อไหนอยากได้จริงๆ ข้อไหนไม่มีก็ไม่เป็นไร จะ ได้ ง่ายต่อการกำหนดห้องมากขึ้น (^_^) ลองมาดูกันนะคะว่าเราควรเลือกที่อะไรบ้าง

1. ความกว้าง
เรื่องของความกว้าง นอกจากนับเป็นจำนวนเสื่อแล้วยังมีเรื่องของจำนวนห้องในห้องเช่าเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย คนญี่ปุ่นจะใช้ตัวอักษร L แทนห้องนั่งเล่น (Living), D แทนห้องรับประทานอาหาร (Dinning) และ K แทนห้องครัว (Kitchen) ค่ะ อย่างถ้าคำอธิบายห้องเขียนว่า เป็นห้อง2LDK ก็แปลว่า เป็นห้องเดี่ยว 2 ห้อง และมี ห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร และห้องนั่งเล่นรวมกันอยู่ในห้องใหญ่ (รวมทั้งหมดก็ 3 ห้องด้วยกัน) จากนั้นก็ต้องมาดูความกว้างแต่ละห้องอีกทีว่ามีกี่เสื่อค่ะ (^_^)

2. ราคา
ราคาจะแตกต่างกันไปตามความเจริญของแต่ละพื้นที่ (^_^;) ยิ่ง ถ้า เป็นที่ที่เจริญ ไปมาสะดวก มีร้านขายของบริเวณใกล้เคียง ก็จะแพงหน่อยการเช่าห้องที่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะมีค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือไปจากค่าเช่าห้องรายเดือน ซึ่งเราควรตรวจสอบค่ะ ที่เห็นกัน ส่วนใหญ่ ก็ได้แก่ ค่าประกัน (Hosho o kin) ค่า ตอบแทน (Reikin) หรือจะเรียกว่า ค่าแป๊ะเจี๊ยะในการเช่าห้องก็ได้ และค่าส่วนกลาง (Kyo o ekihi) ค่าประกันส่วนใหญ่จะเป็นหลักแสน(และ หลายแสน) เยน ... ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยได้กลับคืนมาเท่าไหร่ หลายที่ได้กลับมาอย่างมากก็ 5หมื่น (-_-;) ค่ าตอบแทน นี่ให้เค้าไปฟรีๆ เลยค่ะ เหมือนขอบคุณเค้าที่สร้างห้องมาให้เราอยู่ (-_-;) ส่วนค่าส่วนกลางนี่ ถ้ามีมักจะต้องจ่ายรายเดือน ควรคำนวณดีๆ นอกจากนี้ บางที่อาจจะมี ค่าที่จอดรถ ค่าต่อสัญญาต่อปีอีกด้วย

3. ครัว
ขอแนะนำว่าเราควรจะเลือกห้องที่มีครัวไว้หน่อยก็ดีค่ะ ยังพอต้มมาม่ากินได้.. เพราะ รายจ่ายในการกินอยู่สูงมาก จะไปกินข้าวนอกบ้านทุกวันๆ ก็คงไม่ไหว (^_^;)

4. ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ
โดยส่วนใหญ่ห้องน้ำและห้องอาบน้ำของญี่ปุ่นจะแยกกัน แต่ถ้าเป็นหอเล็กๆ ขนาดอยู่คนเดียว (One room) ก็มักจะรวมกันไปเหมือนในโรงแรม ถ้าเป็นหอมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะเป็นห้องน้ำและห้องอาบน้ำรวม ต้องทำใจค่ะ นอกจากนี้บางที่ยังเป็นห้องอาบน้ำแบบหยอดเหรียญ หยอด 100 เยน น้ำไหลให้ 5 นาที อะไรเงี้ยอ่ะค่ะ (-_-;)

5. เครื่องซักผ้า
เราอาจไม่ต้องลงทุนซื้อเครื่องซักผ้ามาไว้ที่ห้องก็ได ้ แต่ถ้าใครจะซื้อต้องคำนวณไว้ตั้งแต่ตอนเช่าห้องเลยว่า มีที่วางเครื่องซักผ้าไหม ไม่งั้นก็ไม่รู้จะต่อสายไปไหนน่ะค่ะ (^_^;) ถ้าเราไม่มีเครื่องซักผ้าก็ควรดูว่าแถวนั้นมีร้านซักผ้าอบผ้าแบบหยอดเหรียญไหมแล้วอย่าลืมเช่าห้องที่มีระเบียงตากผ้าด้วยนะคะ เล็กๆ ก็ยังดี แต่ถ้าไม่มีระเบียง ตอนไปซัก ผ้าที่ร้านก็ต้องใช้บริการเครื่องอบผ้าหยอดเหรียญด้วยค่ะ (เสียเงินเช่นเคย)

6. ความปลอดภัย
แม้ว่าญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่มีชื่อเสียงในเรื่องความปลอดภัยมากก็ตาม แต่ มาอยู่คน เดียวก็ต้องระวังตัวเองหน่อยค่ะ ห้องเช่าบางที่มีระบบความปลอดภัยให้เราด้วย เช่นมีออโต้ ล็อคที่ทางเข้า มีจอมอร์นิเตอร์ในห้องให้เราดูหน้าคนที่มากดออด แค่ราคาห้องก็จะแพงไป ด้วย ถ้าเราไม่มีความจำเป็นต้องจ่ายขนาดนั้นเราก็ต้องระวังตัวเราเอง เช่น เช่าห้องที่อยู่ชั้น 3 ขึ้นไป (แต่ค่าห้องจะแพงขึ้นไปตามชั้นด้วย) อย่าเปิดประตูสุ่มสี่สุ่มห้า อย่าเลือกที่อยู่ ที่ดูเปลี่ยวหรือต้องผ่านที่เปลี่ยวๆ เกิดอะไรขึ้นไม่คุ้มกันนะคะ

 

7. สิ่งแวดล้อม เรื่องสำคัญค่ะ รอบๆมีอะไรบ้าง เปลี่ยวไหม ไกลสถานีไหม ซื้อของได้ที่ไหน ควรดูๆ ไว้หน่อยค่ะ

ในการเช่าห้องที่ญี่ปุ่นนั้นส่วนใหญ่เราต้องไปหานายหน้าแนะนำห้อง ซึ่งจะมีร้าน และสาขาอยู่ทั่วทุกมุมเมือง เดินเข้าไปถามหาห้องได้เลยค่ะ อยากได้ห้องแบบไหนบอก เค้าไปได้เลยนายหน้าเค้าจะพยายามหาห้องที่ตรงตามความต้องการของเรามาเสนอ เรา ควรเลือกออกมาสัก 2-3 ห้อง แล้วขอให้เขาพาเราไปดูห้องจริง (เป็นบริการของเขาอยู่ แล้ว) เวลาไปดูก็สังเกตหลายๆ อย่าง อย่างที่บอก ไปแล้ว ถามเจ้าหน้าที่เค้าเยอะๆ จากนั้น ก็ค่อยกลับมาคิด อ ี ก รอบ ยังไม่ต้องกำหนดวันนั้นก็ได้ (^_^)

ถ้าเราตกลงจะเช่าห้องจริงๆ ก็ค่อยเอาหลักฐานไปทำสัญญา ให้คนญี่ปุ่นที่จะค้ำ ประกันช่วยเรื่องเอกสารด้วยก็ได้ ค่าบริการของนายหน้าแนะนำห้องส่วนใหญ่จะเท่ากับค่าเช่าห้องประมาณ 1 เดือน (แล้วแต่นายหน้าด้วย) เมื่อโอนเงินเข้าเรียบร้อย ก็เตรียมย้ายกัน ได้เลยค่ะ (^_^)

อ้อ... ลืมบอกไปว่าห้องเช่าที่ญี่ปุ่นนั้นจะเป็นห้องเช่าจริงๆ ค่ะ คือ.. มาแต่ห้องเปล่าๆ จริงๆ (@_@;) แทบจะไม่มีอะไรมาให้เลยแม้แต่หลอดไฟ... วันย้ายอย่าลืมเตรียมไปนะคะ (-_-;)

by Kisara


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที