จิตใจมนุษย์นั้นสุดแสนลึกซึ้งนวัตกรรมต่างๆที่ถือกำเนิดมาก็เกิดมาจากจิตใจมนุษย์ด้วยกันทั้งสิ้น ถ้าใจเราเข้าใจความลึกซึ้งของธรรมชาติตรงนี้ก็จะสามารถผลิตนวัตกรรมออกมาได้อย่างมากมาย เรามาเริ่มที่การพัฒนาจิตใจที่เรียกว่าการภาวนาแบบสมถะกันก่อนดีกว่า เริ่มจากการทำจิตให้จดจ่อกับอะไรบางอย่างเช่นลมหายใจหรือคำบริกรรมก็ได้ พอเริ่มแล้วสักพักจิตจะทิ้งเรื่องอื่นมาสนใจอยู่เรื่องเดียว พอได้สติมากๆเข้าก็เกิดเป็นสมาธิพอสมาธิเข้าที่จิตจะเคลิ้มๆคล้ายจะง่วงนอนแต่ไม่ง่วงนอน ตรงนี้จิตกับกายเริ่มจะทำงานสัมพันธ์กันแบบแนบชิด เกิดวิตกและวิจารณ์ขึ้นมาให้ทำการรู้ไปเรื่อยๆจิตจะเข้าสู่สมาธิที่ลึกขึ้น เกิด ปิติ สุข และเอกกัตคตา จิตรวมเป็นหนึ่ง ละความปิติละความสุข แยกออกเป็นจิตผู้รู้ตรงนี้กายจะหายไป ความรู้จะค่อยๆผุดขึ้นมาอย่างช้าๆ ให้เราตามรู้อยู่เสมอ ทีนี้มีสองทางให้เลือกจะถอนออกมาหรือดิ่งเข้าไปอีกขั้นหนึ่ง เมื่อเลือกแล้วก็จะรู้ว่าถ้าถอนออกมาความคิดจะผุดเร็วๆมาก ถ้าดิ่งเข้าไปจะนิ่งเงียบเป็นอุเบกขา ผมเลิกที่จะถอยออกมาช่วงนี้เป็นช่วงพิจารณาสัญญา ความคิดจะผุดขึ้นมาแบบน้ำไหลต่อเนื่องเลยให้รู้ให้เฝ้าดูจนกระทั่งดูไม่ทันก็หลบเข้าไปในสมาธิที่ลึกขึ้นเหมือนเป็นการชาร์จพลังงานให้กับจิตใจ วิธีถอนไม่ยากเราขยับตัวนิดหน่อยก็ถอนออกมาแล้ว วิธีกลับเข้าก็ไม่ยากให้อยู่กับบริกรรมพุทโธทุกอย่างก็จะกลับเข้าไปใหม่ กระทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ กายจะเบา จิตจะเบา พบความสุขที่มีในโลกนี้เสมอ นี่แหละนวัตกรรมในจิตมนุษย์
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที
