พรพรหม

ผู้เขียน : พรพรหม

อัพเดท: 02 มิ.ย. 2013 12.57 น. บทความนี้มีผู้ชม: 26667 ครั้ง

ประเภทงานเขียน: สารคดีท่องเที่ยวนิวซีเเลนด์กึ่งนวนิยายรักใสๆ

กานต์ เด็กเรียนผู้รักการท่องเที่ยวและเป็นนักชิมตัวยงได้ทุนไปทำวิจัยเกี่ยวกับความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายของชาวเมารีที่นิวซีแลนด์ (เรียกได้ว่าเที่ยวไป ชิมไป ศึกษาความเชื่อหลังความตายไปด้วย)
โทไบอัส หนุ่มอังกฤษร่างสูงโปร่ง ทำอาหารเก่ง อบอุ่น น่ารัก ขี้เล่น เจ้าชู้ เเละเงียบขรึม เขาจมกับอดีตส่วนตัวในบางครั้งจนกานต์เข้าไม่ถึง

มิตรภาพของทั้งสองเริ่มงอกงามขึ้นท่ามกลางพายุหิมะในเมืองไคร้ซเชิร์ชในเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ แต่เมื่ออดีตตามหลอกหลอนหนุ่มโทไบอัส สาวกานต์จึงตัดสินใจกระเตงหนุ่มสุดขรึมไปทำวิจัยและชิมอาหารตามที่ต่างๆเพื่อที่จะฟื้นฟูไข้ใจที่เกิดกับชายหนุ่มผู้มีเสน่ห์ปลายจวักคนนี้


บทที่ 1 สาวไทยใจหาญกับบ้านดอกไม้ไอแล่ม

ท่ามกลางพายุหิมะแห่งเดือนกรกฎาคม  เมืองไคร้ซเชิร์ชดูเงียบสงบในม่านหิมะบางๆที่โรยตัวลงมาอย่างไม่ขาดสาย  ภาพอันสวยงามนี้จะน่าชื่นชมอย่างมากถ้าเห็นจากจอทีวีในรายการท่องเที่ยว หรือในซีรี่ส์ละครรักโรแมนติก  แต่นี่มันชีวิตจริง!

“โธ่ยัยกานต์ จะเลือกทำวิจัยทั้งทีมาจนสุดขอบโลกแบบนี้ เห็นทีจะต้องเปลี่ยนหัวข้อจากเรื่องเมารีมาเป็นเรื่องผลึกหิมะซะแล้ว”  กานต์ สาวไทยเคร่งเรียนที่เพิ่งได้ทุนมาทำวิจัยเกี่ยวกับความเชื่อหลังความตายบ่นกับตัวเองเบาๆ 

สนามบินไคร้ซเชิร์ชคือที่สุดท้ายที่ยังมีอากาศอุ่นๆและผู้คนที่เดินขวักไขว่  แต่หลังจากที่แท็กซี่ส่งเธอหน้ามหาวิทยาลัย University of Canterbury แล้ว เธอก็ไม่เห็นร่องรอยของสิ่งมีชีวิตที่ไหนอีก (ยกเว้นถ้าเธอมีเลนส์จุลทรรศน์ส่องเห็นแบคทีเรียที่ติดมาตามเกล็ดหิมะน่ะนะ)

 

นิวซีแลนด์  ดินแดนแห่งชนเผ่าเมารีผู้มีลายสักบ่งบอกถึงที่มาของเผ่าพงษ์และชีวิตวัยเยาว์  เกาะใต้อันเปี่ยมไปด้วยมนตร์เสน่ห์ลึกลับอันปรากฏเป็นฉากถ่ายทำภาพยนต์ดังๆเช่น The Lord of The Rings ของ J.R.R. Tolkien และ The Chronicles of Narnia ของ C.S. Lewis

 

เมืองไคร้ซเชิร์ชเป็นเมืองเล็กๆในเขตแดนชื่อแคนเทอร์เบอร์รี่(ที่มาของชื่อของมหาวิทยาลัยแห่งนี้) ตั้งอยู่สุดเขตตะวันออก และมีฐานปฏิบัติการศึกษาขั้วโลกใต้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองด้วย (บอกแล้วว่าน่าจะเปลี่ยนไปศึกษาเพนกวิน หรือไม่ก็แบคทีเรียในน้ำแข็ง) รอบๆทางเดินมีต้นสนปลูกไว้ครึ้มๆ กานต์รู้สึกเหมือนจะเคยเห็นภาพต้นสน ทางเดินมืดๆ และม่านหิมะแบบนี้ในฝัน...

 

แต่ความคิดก็สะดุดลงเมื่อเธอลื่นไถลเกือบล้มเพราะหิมะตัวดีเกาะถนนจนกลายเป็นม่านน้ำแข็งบางๆที่ถนน เหมือนช่องแช่แข็งในตู้เย็นที่เลอะคราบช็อกโกแล็ต  การลื่นนั้นเรียกสติกลับคืนมาและเผยให้เห็นแสงรำไรจากสำนักงานจัดหาที่พักที่ตั้งอยู่ไม่ไกล

 

กานต์ถูลู่ถูกังกระเป๋าเดินทางใบโตไปตามทางเดินแคบๆเพื่อเช็คอินเข้าพักในหอพักของมหาวิทยาลัย สายลมแรงถาโถมปะทะเข้าใบหน้าและใบหูจนชา สาวไทยใจหาญกลั้นใจเดินสู้ชีวิตต่อไปจนเจอสำนักงานจัดหาที่พักของมหาวิทยาลัย 

 

ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป ไออุ่นๆจากเครื่องทำความร้อน และห้องกระจกทำให้หญิงสาวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  ภาพที่เห็นนอกหน้าต่างคือเกล็ดหิมะที่ปลิวเป็นทางเดียวกับกระแสลมแรง ให้ความรู้สึกชวนขนหัวลุก (ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะหนาวเกินห้ามใจต่างหาก!)  

 

หญิงวัยกลางคนเดินอุ้ยอ้ายออกมาทักทายเป็นภาษาอังกฤษ สำเนียงไม่คุ้นหูว่า

“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเจ็คกี้ เสลทเธอะ คุณคงหนาวมากสินะ ลงเครื่องมาก็เจอพายุหิมะเลย” เจ้าของนามเจ็คกี้กล่าวอย่างร่าเริงราวกับว่าเป็นเรื่องธรรมดาเหลือเกินที่จะเห็นคนเอเชีย ผิวเหลือง ตาดำ ผมดำ ยืนสั่นงันงกและมีสายหิมะโปรยปรายเป็นแบ็คกราวน์แบบที่กานต์เปป็นอยู่ตอนนี้

 

เจ็คกี้อธิบายว่าค่าเช่าคิดเป็นรายอาทิตย์เพื่อให้ความสะดวกแก่นักศึกษาที่มีทุนทรัพย์น้อย และมีห้องพักหลากหลายรูปแบบให้เลือก  เมื่อถูกถามว่าอยากอยู่หอรวม หรือหอหญิงล้วน กานต์ก็สวมมาดสาวไทยใจหาญอีกครั้งพร้อมกับตอบไปว่า “หอรวมก็โอเคค่ะ!” ...แล้วเธอก็หัวเราะเก้อๆ แต่เจ็คกี้กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ 

นี่กระมังความแตกต่างทางวัฒนธรรมระหว่างชาติตะวันตกกับเอเชีย  ด้วยความที่นิวซีแลนด์เคยเป็นอาณานิคมของอังกฤษมาก่อน ทั้งสำเนียงการพูด และค่านิยมจึงค่อนไปทางเจ้าของอาณานิคม รวมถึงการไม่ถือสาให้ชายหญิงอยู่บ้านเดียวกันด้วย

“เราไม่ได้หวังจะงาบหญ้าอ่อนหรอกนะ แค่อยากศึกษาวิถีชีวิตของคนหลายๆแบบเท่านั้นเอง” กานต์พูดแก้ตัวให้กับตัวเองในใจ

 

เจ็คกี้สั่งให้เด็กหนุ่มที่คงจะทำงานพิเศษในสำนักงานช่วยลากกระเป๋าใบโตไปที่ “the university hall” หรือหอพักรวมของนักศึกษา  ห้องนี้อยู่ชั้นสอง ไม่มีลิฟท์ กานต์ได้แต่เดินตามเด็กหนุ่มผู้ลากกระเป๋าเดินทางของเธอขึ้นบันไดอย่างทุลักทุเล

 

ภาพแรกที่เห็นคือทางเดินมืดๆ ซ้ายขวามีห้องแบ่งตามแบบหอพักทั่วๆไป  ห้องแรก...มีหนุ่มกำลังถอดเสื้อโดยไม่ปิดประตูห้อง! เขายิ้มให้เมื่อสาวน้อยเดินผ่านพร้อมกับมองเขาด้วยตาโตๆ (มองให้เต็มตาล่ะสิ...)  ห้องที่สองเป็นห้องครัวที่มีกองจานวางอยู่เต็มแทบไม่มีที่ให้ล้างมือ  ห้องต่อไปเป็นเด็กหนุ่มสองคนกำลังเล่นวิดิโอเกมอย่างสนุกสนาน  ห้องถัดไปเป็นห้องน้ำที่มีโถปัสสาวะแบบผู้ชายวางคู่กับชักโครกแบบนั่งชวนให้นึกถึงตอนใช้...(ใช้คนเดียวน่ะแหละ แต่ตอนออกมาน่ะสิจะจ๊ะเอ๋กับใคร)   และห้องสุดท้ายถูกปิดล็อคไว้  คนที่พามาไขกุญแจอย่างคล่องแคล่ว เขาหันมาอธิบายกับสาวไทยที่ตอนนี้หน้าออกสีเรื่อๆว่า

“ห้องนี้คือห้องของคุณ คุณจะอยู่ที่นี่ไปอีกหกเดือน ขอต้อนรับสู่แคนเทอร์เบอรี่ครับ ผมเอริคเป็นพรีเฟ็คของยูฮอลครับ” หนุ่มน้อยนามเอริคแนะนำตัวเป็นสำเนียงอังกฤษแปร่งๆตามแบบนิวซีแลนด์พร้อม

แต่ก่อนที่มิสเตอร์พรีเฟ็ค หรือหัวหน้าหอในภาษาบ้านเราจะขยับตัวออกไป มืออวบๆของสาวกานต์ก็คว้าแขนเค้าไว้พร้อมกับกระซิบว่า

“ชั้นเปลี่ยนใจแล้วค่ะ ขอชั้นไปอยู่หอหญิงล้วนได้ไหมคะ”

เอริคหัวเราะพรืด พร้อมกับนิ่งคิดไปครู่ใหญ่ เมื่อเห็นสาวไทยละล้าละลัง เหลียวซ้ายแลขวาก็เห็นแต่ชายฉกรรจ์สามหน่อที่ดูจะเป็นชายแท้แน่เชียวที่ตอนนี้มายืนยิ้มอยู่หน้าห้องตัวเองเพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่

“ก็ได้ครับ แต่คุณคงต้องจ่ายแพงขึ้นนิดหน่อย” แล้วเขาก็ผายมือเป็นสัญญาณให้สาวไทยที่ใจแป้วไปถึงตาตุ่มเดินนำล่วงไป ก่อนที่ตัวเองจะถูลู่ถูกังกระเป๋าใบเดิมลงบันไดไป

 

หลังจากที่ต่อรองกันอยู่พักใหญ่ เจ็คกี้ก็ส่งสาวกานต์ไปอยู่หอพักตึกใหม่ล่าสุด ราคาแพงที่สุดพร้อมกับคำสัญญาว่าจะได้อยู่หอหญิงล้วนแน่นอน หอนี้มีชื่อตามดอกไม้ประจำท้องถิ่น  ดอกไอแลม (Ilam Village)


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที