ทำช่วงที่เป็นภูเขาของงานให้ต่ำลง แล้วถมช่วงที่เป็นแอ่งให้ตื้นขึ้น งานในแต่ละวันแต่ละเดือนนั้นเราไม่สามารถกำหนดปริมาณได้เท่า ๆ กันซึ่งจะมีทั้งเวลาที่ว่างและเวลาที่ยุ่งควบคู่กันไป เวลาที่ยุ่งนั้นทั้งคนและอุปกรณ์มักจะเกิดอาการดันทุรังเพื่อให้งานลุล่วงไปค่อนข้างจะทำแบบ Mur (ทำจนเกินกำลัง) ในช่วงเวลานี้อาจจะมีการเพิ่มจำนวนพนักงานด้วย แต่ว่าในช่วงที่มีเวลาว่างนั้นทั้งคนและอุปกรณ์ก็จะอยู่ในเงื่อนไขที่ว่าไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั่นก็คือ Muda (ไม่เกิดประโยชน์)นั่นเอง หากมีเวลายุ่ง ๆ และเวลาว่างบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ แล้วก็จะทำให้มี Muri และ Muda ซ้ำ ๆ ขึ้น.Muri กับ Muda ผสมปนเปกันแล้ว เรียกว่า Mura นั่นเอง เท่าที่เป็นไปได้นั้นก็ควรจะทำให้ภูเขาของช่วงเวลายุ่งนั้นต่ำลงบ้าง ในเวลาเดียวกันก็ควรถมแอ่งของช่วงเวลาว่าง ๆ ซึ่งเป็นการปรับระดับ ถ้าทำอย่างนี้แล้วนั้นในทุก ๆ วันทุก ๆ เดือนความสามารถของคนและอุปกรณ์จะไม่มี Muda, Muri ทำให้เป็นค่าเฉลี่ยแล้วก็จะสามารถใช้ประโยชน์ได้ ผลที่ได้ก็คือจะไม่มี Mura นั่นเอง ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นก็คือการปรับสมดลของการทำงานนั่นเอง ถ้าทำการปรับสมดุลแล้ว Muri, Muda และ Muraก็จะไม่มี แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นไม่เป็นไปตามที่เราคิดไว้นัก ต่อจากนี้ไปก็จะบรรยายถึงมาตรการป้องกันที่มักจะเกิดขึ้น |
การคาดคะเนระยะยาวนั้นมีความเสี่ยงมาก แล้วการคาดคะเนระยะกระชั้นชิดละ จะทำอย่างไรดีถึงจะไม่ทำการผลิตสินค้าไม่มีคุณภาพค้างสต็อกเกิดขึ้น นั่นก็คือเราจะคาดคะเนแผนระยะกระชั้นชิดขึ้น พูดถึงตัวอย่างก่อนหน้านี้นั้น (ตัวอย่างการผลิตฮีตเตอร์) ในช่วงเวลาที่จวนเจียนมาก ๆ เช่นประมาณปลายฤดูใบไม้ร่วง (หน้าหนาวนี้น่าจะขายได้ปริมาณเท่านี้) เราจะคาดคะเนอย่างทะลุปรุโปร่งแล้วก็ผลิตออกมา การวางแผนการผลิตนั้น ถ้าจะอาศัย การคาดคะเนจากข้อมูลเมื่อ 1 ปีที่ผ่านมานั้น ย่อมจะไม่ดีเท่าการวางแผนโดยตรงเพราะว่าจะสามารถรู้ถึงความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค จึงสามารถวางแผนการผลิตได้อย่างใกล้เคียง ค่อนข้างมีความเป็นไปได้ที่เราจะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะผลิตสินค้าที่จะค้างสต็อกได้ แต่ทว่า ถ้าเริ่มการผลิตที่ล่าช้านั้น จะส่งผลให้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการทำงานล่วงเวลาของพนักงาน รวมทั้งต้องเพิ่มพนักงานอีกด้วย และไม่สามารถหลีกเลี่ยงการมีสมาธิกับงานในช่วงเวลาอันสั้นได้ |
การคาดคะเนระยะยาว บวกกับการคาดคะเนระยะสั้น การคิดหาวิธีที่จะหลีกเลี่ยงสินค้าไม่มีคุณภาพค้างสต็อกนั้น บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้าลงมือดำเนินตามนโยบายที่ว่า ในอนาคตนั้น ในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะมีการวางแผนในช่วงเวลายาว ก็คือจะทำการผลิตให้ได้ตามเป้าที่วางไว้ให้เสร็จสิ้นในเดือนตุลาคมหลังจากนั้นก็เพียงรอเวลาส่งสินค้าออกขายเท่านั้น แต่เราจะเปลี่ยนแปลงใหม่ในเดือนตุลาคมนั้นให้ผลิตคิดเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ของยอดทั้งหมดที่ตั้งไว้แล้ว ในเดือนพฤศจิกายน เดือนธันวาคม ปีต่อมาของเดือนมกราคม ดูแนวโน้มของตลาด ว่าจะผลิตเพิ่มหรือลดการผลิตหรือไม่ก็ประมาณจำนวนที่จะต้องผลิต ปรับให้เหมาะสมแล้วจึงผลิตนั่นเอง |
จากอานิสงค์ของวิธีการนี้ทำให้จำนวนสินค้าไม่มีคุณภาพค้างสต็อกค่อนข้างที่จะสามารถทำให้ลดจำนวนลงได้ อนึ่ง เดือนพฤศจิกายน เดือนธันวาคม เดือนมกราคมถึงแม้จะไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันก็ตาม (muda) นอกจากช่วงเวลานี้ จนถึงเดือนตุลาคมนั้นก็สามารถที่จะรักษาการปรับสมดุลการผลิตไว้ได้ การคาดคะเนในระยะเวลานานนั้นจะสามารถทำให้ช่วงเวลาการผลิตนั้นยาว สามารถปรับสมดุลการผลิตได้แต่ว่าจะไม่ตอบสนองกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด การคาดคะเนในช่วงเวลากระชั้นชิดค่อนข้างที่จะเข้าใจความเป็นไปได้ของความต้องการของตลาดได้เป็นอย่างดี แต่ทว่าเวลาในการผลิตสินค่าก็จะสั้นตามไปด้วย |
|
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที