อย่างที่บอกในตอนที่แล้วว่าตอนที่แล้วมาเราได้พูดถึงกลุ่มคนที่อยู่ในศูนย์กลางความคิด (
ประกอบด้วย 5, 6, 7 และ กลุ่มคนที่อยู่ในศูนย์กลางความรู้สึก ( Feeling center)ได้แก่ คนสไตล์ 2, 3, 4
กันไปแล้วมา มาครั้งนี้เราจะมาดูลักษณะของคนสไตล์ 4 ซึ่งเป็นตอนสุดท้ายก่อนของคนในกลุ่มนี้กันค่ะ
โดยทั่วไปลักษณะของคนสไตล์ 4 มักจะเป็นคนที่ชอบพูดคุยเรื่องของตนเอง มีการแสดงออกถึงความรู้สึกร่วมกันเมื่อพูดคุยกับคนอื่น ซึ่งจะแตกต่างอย่างชัดเจนกับคนสไตล์ 5 ที่ไม่ชอบพูดคุยกันถึงเรื่องส่วนตัว มักจะมีคำพูดที่มีการบ่งบอกถึงการแสดงออกของตนเอง เช่น ฉันคิดว่า.........ฉันรู้สึกว่า.....ในขณะที่คนสไตล์ 3 มักจะพูดคุยแสดงออกในเรื่องงานมากกว่าเรื่องส่วนตัว เช่น ฉันยุ่งกับงานทั้งวันเลย ยังไม่มีเวลาคุยเรื่องอื่นเลยไว้วันหลังเสร็จงานแล้วค่อยคุยกัน ส่วนสไตล์ 2 ก็มักจะมีคำพูดติดปากว่า มีอะไรให้ช่วยมั้ยค่ะ....เพื่อแสดงว่า ว่าตัวเองเป็นคนดี
คนสไตล์ 3 ถือว่าเป็นศูนย์หลักของ ศูนย์กลางความรู้สึก ( Feeling center) มีการแสดงภาพลักษณ์เพื่อทำให้ตนเองรู้สึกมีคุณค่า ในขณะคนที่อยู่ในศูนย์กลางความคิด มักจะไม่สนใจเรื่องภาพลักษณ์ แต่การแสดงออกขึ้นอยู่กับ เหตุผล และข้อมูลที่ได้รับ
โดยสรุปการแสดงออกของคนทั้ง 3 สไตล์ในศูนย์กลางความรู้สึก ( Feeling center) มีดังนี้
สไตล์ 2 พยายามช่วยเหลือผู้อื่น เพื่อทำให้ผู้อื่นมองว่าตัวเองเป็นคน ดี และมีคุณค่าในสายตาคนอื่น
สไตล์ 3 มีความพยายามในการสร้างความสำเร็จของงาน เพื่อต้องการคำชมว่าตัวเองเป็นมีความสามารถ
สไตล์ 4 เป็นคนที่ชอบเปิดเผยอารมณ์ของตัวมากที่สุด เนื่องจากต้องการให้คนอื่นมองว่าเป็นตัวเองแตกต่างจากคนอื่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มักจะมีการสื่อสารด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล หรือใช้อารมณ์ในการตัดสินใจการกระทำในบ้างเรื่อง เช่นคำพูดที่บอกว่า “ ฉันตัดสินใจลาออกจากงานแล้ว เนื่องจากฉันรู้สึกว่างานที่ทำอยู่มันเครียดเกินไป” ซึ่งจะแตกต่างอย่างชัดเจนจากคนที่อยู่ใน ศูนย์กลางความคิด (Thinking Center) เช่น คนสไตล์ 6 เขาจะพูดว่า ฉันตัดสินใจลาออกจากงานแล้ว เนื่องจากเมื่อมีการเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียระหว่างอยู่ทำงานที่นี้ กับการลาออกไปทำงานที่นั้น แล้วพบว่า.....
จากประสบการณ์ของผู้เขียนมีความรู้สึกว่า คนสไตล์ 4 เข้าใจยาก เนื่องการแสดงออกของเขาขึ้นอยู่กับอารมณ์ที่เขาเป็น เช่น วันนี้มาทำงานแล้วเกิดทะเลาะกับแฟนมา มาถึงที่ทำงานก็อาละวาดใส่ลูกน้องอีกต่อหนึ่ง หรือเมื่อวานไปวัด ได้ฟังพระเทศน์มา เขาอาจจะรู้สึกซาบซึ้งในรสพระธรรม มาถึงที่ทำงาน ก็สงบนิ่ง พูดคุยกับคนอื่นด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส พฤติกรรมเขาจะเปลี่ยนรายวันขึ้นกับสภาพแวดล้อมในแต่ละวัน ถ้ามีหัวหน้าเป็นแบบนี้สงสารคนที่เป็นลูกน้อง ไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไร วันนี้พฤติกรรมของหัวหน้าจะมาแบบไหนอีกนะ
คนอื่นจะเข้าใจคนสไตล์ 4 ได้อย่างไรในเมื่อ ตัวเขาเองยังไม่เข้าใจตัวเองเลย….เพราะฉะนั้นคนที่เป็นลูกน้องให้สังเกตพฤติกรรมรายวัน ถ้าวันไหนทำท่าไม่ดี อย่าไปคุยกับเขามาก ทำให้เขาสงบเข้าไว้ พูดจาไพเราะกับเขา อย่าทำให้เขารู้สึกเครียดหรือหงุดหงิดกับงานเดี๋ยวสงครามจะถามหา
แต่คนสไตล์นี้จริงๆแล้วก็มีข้อดีเหมือนกัน เขาเป็นคนที่สื่อสารด้วยอารมณ์ความรู้สึก หรือมีการแลกเปลี่ยนพูดคุยกันได้ดีในเวลาที่เขาเจอคนที่รู้สึกว่าเข้าใจเขา เขาต้องการให้คนอื่นเข้าใจตัวเขา ว่าเขาคิดอย่างไร เขาเหมาะกับการเป็นนักให้คำปรึกษามาก เพราะงานนี้มีการสื่อสารแลกเปลี่ยนความรู้สึกของกันและกัน
ตอนต่อไปเราจะมาพูดคุยกันถึงคนที่อยู่ในศูนย์กลางสัญชาตญาณ (The instinctive center) ได้แก่ คนสไตล์ 1,8,9 กันค่ะ
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที