ปรารพ

ผู้เขียน : ปรารพ

อัพเดท: 06 พ.ย. 2009 15.58 น. บทความนี้มีผู้ชม: 4697 ครั้ง

Creative City Berlin เส้นทางสร้างภาพและธุรกิจแฟชั่นในเบอร์ลิน


a

Creative City  หลายๆท่านคงกำลังคิดว่า กรุงเทพฯ จะมีโอกาสได้เป็น Creative City ที่สมบูรณ์ อย่างที่ หลายๆ หน่วยงานพยายามช่วยกัน ผลัดดันอยู่ หรือไม่  ก็ขอเอาใจช่วยนะครับ ได้มีโอกาสอ่านบทความ Creative City Berlin ดิบ... สด... แสบ... เส้นทางสร้างภาพและธุรกิจแฟชั่นในเบอร์ลิน ในเว็บ www.tcdcconnect.com ซึ่งเขียนไว้ได้น่าสนใจ จึงนำมาฝากกันนะครับ

Creative City Berlin ดิบ… สด… แสบ… เส้นทางสร้างภาพและธุรกิจแฟชั่นในเบอร์ลิน
November 2nd, 2009

bnb

เศษซากกำแพงเบอร์ลินที่ยังคงละเลงเลอะด้วยกราฟฟิตี้รุ่นดึกดำบรรพ์คือ เครื่องเตือนความทรงจำชั้นยอดที่สะกิดไหล่ชาวเมืองว่า ปีค.ศ. 2009 นี้ คือ วาระครบรอบ 20 ปีแห่งการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของ “เบอร์ลิน” (ภายหลังการล่มสลายของกำแพงในปี 1989) กำแพงที่ถูกทำลายลงนั้นมีนัยสำคัญถึง “การปฏิวัติทางวัฒนธรรม” ครั้งสำคัญที่ผสานรวมจิตวิญญาณอันแตกต่างของเมืองฝั่งตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน เกิดเป็นรูปธรรมสร้างสรรค์ที่แปลกใหม่มากมาย อาทิเช่น ภาพถ่ายและงานศิลปะในโลเคชั่นแปลกๆ เสียงดนตรียามค่ำในตึกร้าง และแฟชั่นบนท้องถนนที่ป่าวร้องความแสบซ่าของเมืองที่กำลัง Happening ที่สุดในวันนี้

เข้าสู่เรื่องของธุรกิจแฟชั่น เบอร์ลินเพิ่งเริ่มต้น “วัฒนธรรมแฟชั่นวีค” ของตนเองมาได้ไม่นานนัก เรียกว่า ยังอ่อนหัดมากในเวทีสากล (เริ่มเดินกันครั้งแรกเมื่อปี 2007 โดยมี Mercedes Benz เป็นสปอนเซอร์หลัก) แต่ความอ่อนต่อโลก(แฟชั่น) นี้เองก็ถือเป็นข้อได้เปรียบอย่างหนึ่ง เพราะมันทำให้รันเวย์ของเมืองๆ นี้ สามารถลองผิดลองถูก และคงความสด-แสบ ซึ่งเป็น “โลกทัศน์แบบเบอร์ลิน” เอาไว้ได้ บนรันเวย์แฟชั่นวีคครั้งล่าสุด (Spring/Summer2010) เมื่อเดือนกรฎาคมที่ผ่านมา เราจึงได้เห็นผลงานที่ทำเอาแฟชั่นเจอร์นัลลิสต์จากทั่วโลกออกอาการ “อึ้งแดก” กันอย่างถ้วนทั่ว นั่นก็คือ โชว์สุดร้าวของดีไซเนอร์ Patrick Mohr ที่นำประชากร Homeless ของแท้ จากบ้านคนจรจัดต่างๆ มาเดินกันให้วุ่นบนเวที ซึ่งแม้โชว์นั้นของ Mohr จะได้รับฟีดแบคในแง่ลบเสียมาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่า สื่อสากลแทบทุกฉบับจำเป็นต้องเขียนถึงเขาในครั้งนั้น !

bnb01

ขออนุญาติข้ามไปไม่กล่าวถึงรายละเอียดของโชว์เด่นๆ จากแต่ละดีไซเนอร์ (ดูรูปจากเว็บแทน) เพราะมีประเด็นข้างเคียงที่น่าสนใจมากกว่าบนรันเวย์ S/S 2010 นั่นก็คือ การที่เขาเปิดรับโชว์จากดีไซเนอร์สัญชาติอื่นจำนวนมาก (แน่นอนว่า ไม่ใช่จากชาติแฟชั่นระดับตำนานอย่างอิตาลี ฝรั่งเศส หรืออังกฤษ) ยกตัวอย่างเช่น Bernadette Penkov โดยดีไซเนอร์สายเลือดฮังกาเรียน Mongrels in Common โดยสองดีไซเนอร์ลูกครึ่งสแปนิช-เปรูเวียน และเยอรมัน-สวิส หรือแม้กระทั่ง The Black Coffee แบรนด์ที่มาไกล(มาก)จาก South Africa ซึ่งมันอาจเป็นกลยุทธ์การสื่อสารที่บอกกับเรากลายๆ ว่า เบอร์ลินพร้อมแล้วที่จะก้าวขึ้นสู่บัลลังก์แฟชั่นของยุโรปซีกขวา เป็นอาสาสมัครที่รับหน้าที่กุมบังเหียนนำพา “แฟชั่นเลือดใหม่จากยุโรปตะวันออก” ให้ขึ้นท้าทายเทียบชั้นเวทีใหญ่อย่างในยุโรปตะวันตก อเมริกา และญี่ปุ่น ในวันข้างหน้า

มีความคิดเห็นจากหลายฝ่ายต่อความเคลื่อนไหวด้านแฟชั่นของเบอร์ลินในวันนี้  Claus-Dietrich Lahrs ประธานบริหารของแบรนด์ Hugo Boss เคยให้สัมภาษณ์ว่า  “ผมมองเบอร์ลินไม่ต่างจากนิวยอร์ก มันเป็นเมืองที่มีพลังดึงดูดดีไซเนอร์รุ่นใหม่ ซึ่งนั่นจะทำให้โอกาสทางการค้าของเบอร์ลินกับตลาดแฟชั่นต่างประเทศเปิดกว้างขึ้นแน่นอน โดยเฉพาะในเขตประเทศยุโรปตะวันออก อย่างบัลแกเรีย ฮังการี และโปแลนด์…”

bnb00

ในขณะที่ Josef Voelk ผู้ก่อตั้ง The Corner ร้านค้ามัลติแบรนด์ชื่อดังในเบอร์ลิน (= Collette ของปารีส) พูดถึงจุดยืนของเบอร์ลินในวันนี้ว่า “เบอร์ลินน่าสนใจด้วยพลังความสดใหม่ของมันเอง  …ต้นทุนในความสร้างสรรค์ของเมืองนี้ยังถือว่า (ราคา)ถูกมาก  ซึ่งนั่นเป็นจุดที่ดึงดูดคนสร้างสรรค์จากทั่วโลกเข้ามา …ดีไซเนอร์ที่นี่ไม่มีโอกาสได้ทำงานกับแบรนด์ใหญ่ ทุกคนจึงต้องเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง มันมีพลังความกระตือรือร้นของคนที่อยากจะก้าวไปข้างหน้าครับ”

อ่านต่อ....................

เครดิตภาพ: www.mercedes-benzfashionweek.com, Idope.com



ขอบคุณบทความดีๆ จาก www.tcdcconnect.com นะครับ

บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที