ใกล้หน้าหนาวแล้ว..........
ช่วงปลายฝน ต้นหนาวอย่างนี้ หลายๆคนคงต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษนะครับ
เพราะต้องระวังการเจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคหวัดและระบบทางเดินหายใจต่างๆ
ซึ่งทุกวันนี้ก็เกิดหวัดสายพันธ์ใหม่ๆแปลกมาให้กังวลอยู่ไม่น้อย หรือแม้แม้สายพันธ์เก่าๆเองที่อาจกลายพันธ์
ทำให้รักษายากมากขึ้น
แต่ถึงแม้จะมีโรคเกิดขึ้นมากมาย แต่เราก็ไม่ถึงกับต้องกังวลหรอกครับ แค่ดูแลรักษาร่ายกายให้แข็งแรง
ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่(ดูเหมือนง่าย แต่จริงๆแล้วถ้าสังเกตุดีๆ การรัปประทานให้ครบ 5 หมู่จริงๆ
และแต่ละหมู่ในปริมาณที่นักโภชนาการแนะนำว่า ทานอะไรกี่ส่วนนั้น ยากมากครับในสภาพสังคมปัจจุบัน)
ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ (ยากเช่นกัน สำหรับการใช้ชิวิตในสังคมเมืองปัจจุบัน)
และหลีกเลี่ยงประพฤติกรรมเสี่ยงในการมีโอกาศสัมผัสโรค ซึ่งทางสื่อ ต่างๆก็แนะนำกันอยู่แล้ว
เมื่อนึกถึงโรคหวัด หลายๆคนคงนึกถึงการทาน วิตามิน ซี เพื่อป้องกัน ซึ่งมีนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญมากมาย
รายงานผลว่ามัน สามารถใช้ได้ผล แต่ก็มีผู้เแย้งว่างานวิจัย เหล่านั้น อาจมีการควบคุมตัวแปรที่ไม่แน่นอน
และอาจมีอคติในการวิจัย แต่อย่างไรก็ตามข้อสรุปของวิตามิน ซี คือ แม้มันจะช่วยป้องกันโรค ต่างๆได้หรือไม่ก็ตาม
แต่มันเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ถึงมากที่สุดต่อ มนุษย์ ในการที่จะทำให้กระบวนการต่างๆของร่างกาย ดำเนินไปได้อย่างปกติ
และ แน่นนอนว่าถ้าขาดมัน ความผิดปกติและอาการเจ็บป่วยก็จะตามมา
อย่างที่หลายท่านทราบว่าวิตามิน ซี มีมากในผักและผลไม้ โดยเฉพาะที่มีผลเปรี้ยว ดังนั้น หากรับประทานผักและผลไม้อย่างเพียงพอ
ก็จะได้รับ วิตามิน ซี อย่างเพียงพอแน่นอน เช่นกัน แต่ข้อควร คำนึง คือ วิตามิน ซี เป็นวิตามินที่ ละลายในน้ำ ร่างกายสามารถ ขับออกทาง ปัสสาวะ
และเหงือ อย่าง ง่ายดาย ไม่สามารถเก็บ สะสมไว้ใช้ได้เหมือวิตามินที่ ละลายใน ไขมัน(วิตามิน เอ,ดี, อี, เค)
ดังนั้น ร่างกายเราจึงต้องการ วิตามิน ซี ทุกวัน และจากการที่มันโดนขับออกมาอย่างง่ายดาย ทำให้การบริโภควิตามิน ซี เป็น อาหารเสริม จึง
ดูจะปลอดภัยกว่า วิตามินตัวอื่นๆที่ร่างกายขับออกมายาก แต่แน่นอนว่ามันจะปลอดภัยถ้าเป็นวิตามินที่ได้คุณภาพ มีการรับรองอย่างชัดเจน
ไม่ใช่เป็นวิตามิน ซี ปลอม หรือ สังเคราะห์อย่างไม่ถูกวิธีและมีสารตกค้าง ดังนั้นก่อนซื่อวิตามิน ซี
ควรดูฉลากให้ดี ถึงคุณภาพและความปลอดภัย รวมทั้งแหล่งที่ซื้อและเภสัชยากรผู้จำหน่ายและให้คำแนะนำ
นอกจากนั้น เมื่อบริโภค ควรปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากยาด้วย
อย่างไรก็ตาม ก็มีรายงานผลจากการรับวิตามินซีมากเกินไป
1) ท้องร่วง (รับประทานเกินวันละ 1000 มิลลิกรัม)
2) ผู้ป่วยบางรายมีแนวโน้มที่จะเกิดนิ่วที่ไต(ในผู้ป่วยที่มีภาวะการทำงานของไตบกพร่องจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไตได้ )
3) กระทบต่อความสามารถของร่างกายในการต่อสู้การติดเชื้อ (รับประทานเกินวันละ 2000 มิลลิกรัม)
4) ก่อให้เกิดภาวะที่ต้องพึ่งไวตามิน ซี (dependency state) ซึ่งเมื่อหยุดรับประทานทันทีจะกลับเป็นโรคลักปิดลักเปิดซ้ำอีก (rebound scurvy)
5)คลื่นไส้, ปวดเกร็งท้อง
มีข้อมูลแนะนำการใช้วิตามินซีว่าไม่ควรรับประทานเกิน 2,000 มก/วัน
(รายงานผลนี้ ผู้เขียนอ่านจากสื่อต่างๆ ซึ่งตัวเลขปริมาณที่ส่งผลอาจมีความแต่กต่างกันบ้าง แต่แค่ต้องการให้พึงระวังในการบริโภคมากเกินไป จากประสบการบางท่านหากรับประทานมากในระดับหนึ่งจะถ่ายได้ง่ายมาก บางครั้งมากไป แต่สังเกตุง่ายๆ หากมากไปจะเริ่มท้องร่วงครับ แต่ๆละบุคคลอาจไม่เหมือนกันบางคนรับไปมากแล้วแต่ท้องไม่ร่วงแต่อาจจะเกินผลอย่างอื่นนะครับ)
ดังนั้น ควรบริโภคแต่พอดี เพราะอะไรที่มากไป ย่อมก่อเกินโทษ อย่างแน่นอน
หากไม่อยากซื่อวิตามินซี การบริโภคผักและผลไม้ก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่าแน่นอน
(ควรเลือกผักและผลไม้ที่มั่นใจว่าปลอดสารพิษและล้างอย่างดีเพราะอายังมีสารพิษจากยาฆ่าแมลง แทนที่จะได้วิตามินดีๆ
กลับได้รับสารพิษจากสารอันตรายเข้าสู่ร่างกายมากมาย)
นอกจากจะได้วิตามินแล้วยังได้ กากใยอาหารจากธรรมชาติที่จำเป็นมากๆ สำหรับกระบวนการทำงานของระบบทางเดินอาหารครับ
(ผู้เขียนไม่ได้เป็นแพทย์ เภสัชยากร หรือ นักโภชนาการ แต่มีประสบการณ์การบริโภควิตามินมาหลายปี จึงหาข้อมูลเพื่อความปลอดภัยในการบริโภค
จึงนำมาเผลแพร่นะครับ)
ดูแลสุขภาพนะครับ.......
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที