แผนองค์การและแผนกลยุทธ์ ซึ่งในองค์การภาครัฐนิยมเรียกว่า แผนยุทธศาสตร์ จะเป็นการกำหนดกรอบกว้าง ๆ ให้แก่การบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ โดยแผนองค์การและแผนกยุทธ์ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างวัตถุประสงค์ระดับสูงขององค์การกับเป้าหมายของโรงการในระดับปฏิบัติ และยังสามารถใช้ในการประสานแผนงานระดับกรม กระทรวง เพื่อให้ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ การวางแผนองค์การและแผนกลยุทธ์นี้ โดยทั่วไปเรามักจะคุ้นเคยกับคำเหล่านี้ในแนวคิด การบริหารเชิงกลยุทธ์ (Strategic management) ซึ่งผู้เขียนขอสรุปกล่าวถึงไว้อย่างสังเขปเพื่อประกอบการทำความเข้าใจที่ลึกซึ้งมากขึ้นตามลำดับ
การบริหารเชิงยุทธศาสตร์ เป็นแนวคิดการบริหารงานที่เน้นการวางแผนที่สามารถวัดผลผลิตได้และเป็นการวางแผนที่คำนึงถึงบริบทขององค์การทั้งภายในและภายนอกขององค์การเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลให้องค์การก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลง (พูลสุข หิงคานนท์, 2549) โดยกระบวนการบริหารเชิงยุทธศาสตร์ ประกอบด้วย (1) การวิเคราะห์ศักยภาพและความพร้อมขององค์การ โดยพิจารณาจุดอ่อน จุดแข็งขององค์การ โอกาสในการพัฒนาและภัยคุกคามหรืออุปสรรคจากภายนอกองค์การซึ่งเป็นปัจจัยเงื่อนไขความสำเร็จขององค์การ การวิเคราะห์ศักยภาพและความพร้อมขององค์การมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้บริหารได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับองค์การครบทุกด้านที่จะใช้ในการวางทิศทางขององค์การ การระบุสมรรถนะและปัจจัยหลักของความสำเร็จขององค์การ พร้อมกับการพิจารณาค่านิยมของสังคมและองค์การที่สามารถนำไปสู่การตัดสินใจเลือกและกำหนดกลยุทธ์หรือ กลวิธีที่มั่นใจได้ว่ามีความสอดคล้องกันที่สุดกับศักยภาพและความพร้อมขององค์การ สำหรับเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ศักยภาพและความพร้อมขององค์การที่นิยมใช้กันได้แก่ ตัวแบบ SWOT (Strength, weakness, opportunity and threat ) และ ตัวแบบแรงดึงดูดของ Porter (Porters Five Forces Model ) เป็นต้น (2) การจัดวางทิศทางขององค์การโดยการกำหนดวิสัยทัศน์ คุณค่าและพันธกิจขององค์การ โดยที่วิสัยทัศน์คือความใฝ่ฝันที่เป็นอุดมคติหรืออนาคตขององค์การ ตัวอย่าง คำถามในการระดมสมองในกลุ่มการพยาบาลเพื่อกำหนดวิสัยทัศน์ของกลุ่มงานพยาบาลเช่นระบบบริการพยาบาลในอุดมคติควรมีลักษณะอย่างไร คุณค่า เปรียบเสมือนหัวใจแห่งองค์การหมายถึงสิ่งที่องค์การเชื่อมั่นได้แก่คุณค่าส่วนบุคคลและคุณค่าในหน้าที่การงาน พันธกิจ หมายถึงภารกิจตามเป้าประสงค์หรือจุดมุ่งหมายและเหตุผลของการมีอยู่ขององค์การ (3) การกำหนดเป้าหมายขององค์การเพื่อการกำหนดกลยุทธ์โดยจะต้องกำหนดผลลัพธ์ ที่สะท้อนระดับความสำเร็จของการบริหารตามเป้าหมายและต้องกำหนดตัวชี้วัดผลลัพธ์ที่มีลักษณะที่ถูกต้อง เชื่อถือได้ มีความหมายและสามารถวัดได้ ตัวอย่าง ผลลัพธ์ของการบริการพยาบาลที่ต้องการคือ คุณภาพชีวิตและภาวะสุขภาพของประชาชนผู้รับบริการ ตังชี้วัดผลลัพธ์คือคุณภาพชีวิตระดับดีซึ่งต้องอาศัยเครื่องมือวัดคุณภาพชีวิตที่สร้างขึ้นจากงานวิจัยมาใช้เป็นต้น ซึ่งเมื่อได้กำหนดเป้าหมาย ผลลัพธ์และ ตัวชี้วัดผลลัพธ์ขององค์การแล้ว จะต้องมีการกำหนดวัตถุประสงค์ซึ่งเป็นเป้าหมายเฉพาะด้านของภารกิจขององค์การที่วัดได้และมีกรอบเวลาในสิ่งที่ต้องการสัมฤทธิผล (4) การกำหนดยุทธศาสตร์ขององค์การ โดยพิจารณายุทธศาสตร์ที่เหมาะสมสามารถนำไปกำหนดแผนงานหรือโครงการปฏิบัติได้จริงในองค์การ ยุทธศาสตร์นั้น กล่าวอย่างง่ายได้ว่าเป็นวิธีการที่จะทำให้วัตถุประสงค์ที่วางไว้สามารถบรรลุผล การกำหนดกลยุทธ์จะกำหนดโดยใช้ถ้อยคำที่บ่งบอกการกระทำ ระบุระยะเวลาที่ต้องการให้กระทำงานนั้นให้เสร็จสมบูรณ์ รวมถึงการระบุหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่และรับผิดชอบต่อการกระทำนั้น ดังนั้นผลงานของการวางแผนได้แก่แผนยุทธศาสตร์ (5) การนำยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ โดยการนำเอาแผนกลยุทธ์ที่เป็นชุดของแผนงานหรือแผนปฏิบัติงานเป็นรายปีไปดำเนินงาน และต้องคำนึงถึงโครงสร้างและวัฒนธรรมองค์การ (6) สร้างกลไกการกำกับ ติดตามหรือการควบคุมและการประเมินผลแผนยุทธศาสตร์ การประเมินผลควรดำเนินการทั้งในระยะสั้นและประจำปีและเมื่อสิ้นสุดแผนยุทธศาสตร์ ทั้งนี้ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และคณะ (2545) ได้เคยนำเสนอข้อควรพิจารณาถึงลักษณะที่ดีของยุทธศาสตร์หรือกลยุทธ์ไว้หลายประการได้แก่ เป้าหมายของยุทธศาสตร์ที่กำหนดขึ้นมาจะต้องสมารถบรรลุได้ นโยบายและวิธีการในทางปฏิบัติที่กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ ครอบคลุมถึงทุกเป้าหมายที่วางไว้ ยุทธศาสตร์มีการใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่แล้วหรือไม่ ความเหมาะสมของยุทธศาสตร์เมื่อเทียบกับระดับความเสี่ยงที่มีอยู่ สมรรถนะความสามารถในการบรรลุตามเป้าหมายในยุทธศาสตร์ ตลอดจนค่านิยม ความเชื่อ ทัศนคติของผู้นำองค์การและผู้รับผิดชอบต่อการนำยุทธศาสตร์ไปปฏิบัติ เป็นต้น
สำหรับองค์การภาครัฐไทยปัจจุบัน การบริหารเชิงยุทธศาสตร์ยังมีเทคนิควิธีที่เข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อการวัดผลยุทธศาสตร์ ได้แก่ Balanced Scorecard ซึ่งเป็นเครื่องมือทางด้านการจัดการที่ช่วยนำยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติโดยอาศัยการวัดหรือประเมินที่จะช่วยให้องค์การเกิดความสอดคล้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวและมุ่งเน้นในสิ่งที่มีความสำคัญต่อความสำเร็จขององค์การ (พสุ เดชะรินทร์, 2544 อ้างถึงในพูลสุข หิงคานนท์, 2549) และที่สำคัญยิ่งคือการที่จะบรรลุวิสัยทัศน์ขององค์การหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความสามารถหรือศักยภาพในการแปลงแผนยุทธศาสตร์ไปสู่แผนปฏิบัติการของกลุ่มงานต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่เป็นฝ่ายปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ ดังนั้นบทบาทของผู้บริหารที่สำคัญคือการถ่ายทอดให้ผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องทุกคนให้เข้าใจแผนยุทธศาสตร์ และเป็นผู้นำให้เกิดการบริหารแผนยุทธศาสตร์ทุกขั้นตอน ตลอดจนกระตุ้นให้ทุกส่วนมีส่วนร่วมในกระบวนการบริหารเชิงยุทธศาสตร์ อันจะนำไปสู่ความสำเร็จและประสิทธิผลขององค์การ (organizational effectiveness) ตามที่มุ่งหวังต่อไป (สุจิตรา เหลืองอมรเลิศ, ศุภวัฒนากร วงส์ธนวสุ และอภิญญา จำปามูล, 2549; พูลสุข หิงคานนท์, 2549)
ในการพัฒนาระบบบริหารภาครัฐตามแนวทางเกณฑ์คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ ภายใต้ความรับผิดชอบของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบนำมาใช้เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2548 เพื่อยกระดับคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 นั้น ได้กำหนดให้การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ เป็นหมวดองค์ประกอบหมวดหนึ่งใน 7 หมวดที่เป็นแนวทางในการประเมินตามเกณฑ์ดังกล่าว การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ตามเกณฑ์คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐนี้ ประกอบไปด้วย 2 ส่วนคือ (1) การจัดทำยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ที่มุ่งพิจารณาใน 2 เรื่องคือ กระบวนการจัดทำยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ ตลอดจนการนำปัจจัยที่เกี่ยวข้องมาใช้ในการวางแผน และพิจารณาเป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ เทียบกับกรอบเวลาในการบรรลุผล และความสมดุลระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสียฝ่ายต่าง ๆ และ (2) การนำยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ไปสู่การปฏิบัติ ซึ่งพิจารณาใน 2 เรื่องได้แก่ การจัดทำแผนปฏิบัติงานและการนำแผนนั้นไปปฏิบัติ การจัดสรรทรัพยากร การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลง และแผนงานหลักด้านทรัพยากรบุคคล รวมทั้งการคาดการณ์ผลการดำเนินงาน เกณฑ์เปรียบเทียบที่สำคัญ การวางแผนยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ที่ปรากฎในเกณฑ์คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐดังกล่าว สะท้อนให้เห็นเป็นอย่างดีถึงการสร้างเข็มมุ่งที่เด่นชัดขององค์การภาครัฐเพื่อที่จะพัฒนาระบบการบริหารจัดการให้เน้นไปที่ผลสัมฤทธิ์ในเชิงการดำเนินงาน
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที