วิกูล

ผู้เขียน : วิกูล

อัพเดท: 05 ก.ย. 2009 14.50 น. บทความนี้มีผู้ชม: 3766 ครั้ง


คงเป็นเหตุผลที่คนไทยอ่านหนังสือน้อย


หนูอยากได้


วันหนึ่งเวลาประมาณ ๑๘ นาฬิกา ผมยืนเลือกหนังสืออยู่ที่แผงขายหนังสือ ของร้านสะดวกซื้อหน้าหมู่บ้าน ซึ่งแผงก็อยู่ติดกับตู้ไอศครีม ขณะนั้นเองก็มีเด็กหญิงคนหนึ่งอายุราวๆ ๑๑  ขวบเดินมายืนข้างๆ แรกเลยผมก็ไม่ได้สนใจอะไร คงง่วนกับการเลือกหนังสือพิมพ์

 

เด็กหญิงคนนี้ คงมายืนเมียงมองไอศครีม ในขณะที่พ่อเขากำลังเลือกซื้อของหลายอย่างในร้านนั้น

 

ไม่ทันไรเด็กผู้หญิงคนเดิม ได้วิ่งไปหาพ่อและจูงมือพ่อมาที่ข้างๆตู้ไอศครีม พ่อเองก็ถือของพะลุงพะรังเต็มมือ

 

“อะไรลูก” พ่อถาม

 

“พ่อๆ หนูอยากได้หนังสือ” เด็กตอบด้วยความดีใจและอยากได้ พร้อมกับชื้อมือไปที่หนังสือเล่มหนึ่งสีสวยสะดุดตาพร้อมความหวังว่าพ่อจะต้องซื้อให้แน่นอน เพราะวันนี้เงินพ่อมีซื้อของตั้งหลายอย่าง

 

“หนังสืออะไรหรือ” พ่อถาม

 

“หนังสือผจญภัยตามรอยพระพุทธเจ้าค่ะ” หนูอยากได้ เด็กหญิงรีบตอบอย่าคล่องแคล่วในชื่อหนังสือ

 

พ่อจับหนังสือเล่มนั้นมาดูที่ปกหน้า ปกหลัง พิจารณาอยู่ชั่วครู่ ไม่สามารถเปิดดูภายในได้ เพราะหนังสือห่อด้วยพลาสติกอย่างแน่นหนา ขณะที่พ่อกำลังจะวางหนังสือลงที่เดิม

 

เด็กหญิงกระโดดจะคว้าหนังสือ พร้อมกับความความดีใจบนใบหน้า และน้ำเสียง อยากเป็นเจ้าของหนังสือ  “หนูอยากได้ ๆ”

 

พ่อยกหนังสือเล่มนั้นขึ้นให้สูงเหนือศีรษะ เพื่อหนีการกระโดดคว้าจากมือลูกสาว แล้วก็วางลงที่แผงหนังสือเหมือนเดิม

 

เด็กหญิงไม่ละความพยายาม กอดเอวพ่อ แล้วอ้อนว่า “พ่อหนูอยากได้” พ่อมองหน้าลูกเพื่อพิจารณาถึงความอยากได้ของลูก ผมก็แอบเห็นแววตาของหนูน้อยหญิงคนนี้ว่าเธออยากได้จริงๆ และแอบดูสายตาพ่อเหมือนกับกำลังจะตัดสินใจ ซื้อไม่ซื้อ

 

“พ่อๆหนูอยากได้ หนังสือผจญภัยตามรอยพระพุทธเจ้า หนูอยู่ชมรมธรรมะ อยากอ่านธรรมะ”

 

เท่านั้นแหละพ่อใจอ่อน ยื่นมือไปคว้าหนังสือเล่มดังกล่าวมาดูอีกครั้ง แต่คราวนี้สายตาไปหยุดอยู่ที่ปกหลังบริเวณบาร์โค๊ต กับราคา ๑๔๐ บาท

 

เด็กหญิงยิ้มร่าเลย ได้แล้วเรา ความดีใจไม่ทันวิ่งถึงก้นบึ้งหัวใจ ก็ต้องผิดหวัง พ่อวางหนังสือเล่มนั้นลงที่เดิมอีกแล้ว พร้อมกับบอกลูกว่า “อย่าเพิ่งเอาเลยมันแพง ๑๔๐ บาท”

 

แล้วเขาก็เดินจากลูกสาวไปอย่างไม่ใยดีกับลูกสาวอีก คงเพื่อตัดความรำคาญหรือป้องกันไม่ให้ลูกสาวอ้อน เขาไปที่บริเวณจ่ายเงิน พร้อมกับเตรียมจ่ายเป็นค่าสิ่งของที่เขาหยิบมาเมื่อครู่หลายรายการ

 

คงทิ้งให้เด็กหญิงน้อยๆลูกสาว ยืนมองหนังสือและจำตัดใจจากหนังสือนั้นเดินไปหาพ่อ แต่ปากก็พูดพึมพรำๆว่า “หนูอยากได้ หนูอยู่ชมรมธรรมะ”

 

พ่อไม่พูด จ่ายเงินเสร็จก็ให้ลูกช่วยถือของ และเดินออกจากร้านสะดวกซื้อไปขึ้นมอร์เตอร์ไซค์ ลูกสาวซ้อนท้ายพ่อขับพาออกไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง บนฟ้าแสงพระอาทิตย์เริ่มลับฟ้า ลมเย็นๆ พัดผ่านมาที่หน้าผมอย่างวังเวง

 

ผมเดิมตามออกไปดูสองพ่อลูก พยายามจะจำทะเบียนรถ หรือรูปพรรณของทั้งสอง ตามวิสัยของตำรวจบ้านที่ได้ฝึกอบรมมา เพื่อมีโอกาสจะได้หาหนังสือเล่มนั้นไปเป็นของขวัญให้เธอลูกสาวเขา วันนั้นผมมีเงินติดตัวอยู่ ๑๐๐ บาท คงคิดอะไรไม่ได้มากกว่านี้ นอกจากหนังสือพิมพ์ฉบับเดียว

 

เขาไปแล้วทั้งสองพ่อลูก คงทิ้งไว้กับแผ่นสลิปการจ่ายเงินที่เขาทิ้งแล้วไม่ลงถัง ผมเดินไปเก็บมาดูรายการที่คุณพ่อของลูกสาวเมื่อครูซื้อไป

 

ล้วนเป็นของจำเป็นทั้งสิ้น เบียร์ 4 ขวด สุรา 2 ขวด โซดา 4 ขวด น้ำแข็ง 2 ถุง ถั่ว 4 ถุง บุหรี่สองยี่ห้อ สองซอง  ซีดีภาพยนต์ ๒ เรื่อง

 

ทั้งหมดราคาคงถูกกว่าหนังสือ หรืออย่างไรผมไม่ได้ดูในรายละเอียดของราคา....!!!

 

ก็ต้องเห็นใจคุณพ่อเขาแล้วหละเพราะล้วนจำเป็นสำหรับวงสุราบันเทิง จึงทำให้เขาไม่เหลือเงินที่จะซื้อหนังสือ “ผจญภัยตามรอยพระพุทธเจ้า” เพราะแพงเกินความจำเป็นสำหรับพ่อจริงๆ

 

หนูอยากได้ ก็รอก่อนนะลูกนะ...!!!

 

 


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที