ชัชวาล อรวงศ์ศุภทัต

ผู้เขียน : ชัชวาล อรวงศ์ศุภทัต

อัพเดท: 29 เม.ย. 2009 09.21 น. บทความนี้มีผู้ชม: 6643 ครั้ง

เกร็ดความรู้...เพื่อเป็นมนุษย์งานมือโปร
HR Contribution โดย ชาว HRD

งานเขียน บทความนำเสนอสาระน่ารู้เกี่ยวกับเรื่องทั่วไปของการทำงาน การบริหาร การใช้ชีวิตในยุคโลกาภิวัตน์ ที่ขับเคลื่อนสังคมให้เปลี่ยนแปลงไปตลอด มาร่วมกันสร้างชุมชนของการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนและแบ่งปัน ประสบการณ์ ความคิดดีดีในการทำงานระหว่างกัน เพื่อความเป็นมืออาชีพของ “มนุษย์งาน” ทุกท่านครับ....


ทำอย่างไรดี....เมื่อเบื่องาน

คนทำงานอย่างเราเรา ก็มีบ้างที่ออกอาการเบื่องาน  เซ็งสุดขีดกับการทำงาน  ยิ่งในสภาวะที่องค์การเจอวิกฤตจะรอดหรือเปล่ายังไม่แน่  พนักงานก็เกิดอาการหดหู่สิ้นหวังเป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ 

 

แต่หากคนในองค์การใดคิดแบบนี้หมด หมดไฟในการทำงานแล้ว การที่จะเห็นแสงสว่างนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับ  และหากอาการแบบนี้เกิดขึ้นกับเรา  ก็เท่ากับเราเองทุบหม้อขาวตัวเองอย่างไม่รู้ตัว  ผมไม่ได้บอกว่า คนทำงานอย่างท่านอย่างผม จะไม่มีโอกาสเกิดความเบื่อหน่ายต่องานนะครับ  มันเกิดแน่นเป็นเรื่องธรรมด้า..ธรรมดา  แต่อย่างให้มันเกิดนาน  เพราะมันจะกัดกินใจเรา  บั่นทอนขวัญกำลังใจในการทำงานของเรา  นี่เองล่ะครับ ที่เค้าบอกว่าให้มองมันเป็นโอกาส 

 

เบื่องาน ก็สร้างความสนใจเรื่องอื่นมาพัฒนาตนเองให้เก่งขึ้น  ทำงานได้หลากหลายมากขึ้น  และอีกมากมายที่คุณจะทำได้ ภายใต้ concept อย่าหยุดที่จะพัฒนาตัวเอง  ทำไมหรือครับ เพราะความก้าวหน้าเติบโตมันจะมาเองเมื่อฟ้าฝนเป็นใจ....อะไรประมาณนั้น      

 

ลูกน้องเราก็เช่นกันครับ เค้าก็เป็นแบบนี้ไม่ต่างจากเรา   หากจำไม่ผิด ผมเองเคยนำเสนอกับท่านผู้อ่านไว้ว่า  ส่วนหนึ่งของการตัดสินใจลาออกจากงานของลูกน้องเรานั้น เป็นเพราะเขาอาจจะไม่พึงใจต่อสิ่งที่หัวหน้าทำให้เขา  หรือประพฤติปฏิบัติต่อเขา ในหลายเรื่องหลายราว  จนกระทั่งเขาคิดว่าเขาขาดโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงาน  อยู่ไปก็ไม่มีความสุข สูงออกไปหาโอกาสใหม่ในดาบหน้าเสียจะดีกว่า    

 

ผู้ใหญ่หลายท่านแนะนำว่า จะเป็นการฉลาดกว่าหากการที่เราจะย้ายออกจากหน่วยงานหนึ่งไปยังอีกหน่วยงานหนึ่งแล้ว  เราจะได้รับสิ่งที่ดีมากกว่า เช่น ตำแหน่งหน้าที่การงานดีกว่า  เงินเดือนสูงกว่า  ซึ่งแน่นอน  เราเองก็ต้องมีศักยภาพที่สูงมากพอที่นายจ้างคนใหม่เค้าจะว่าจ้างเราเข้าไปทำงาน

 

พื้นฐานของการตัดสินใจที่จะเปลี่ยนงาน จึงไม่ใช่เรื่องของโชคชะตาเป็นเรื่องหลักนะครับ  มันก็มีบ้าง แต่ทักษะความรู้ความสามารถนี่สิเป็นเรื่องสำคัญที่จะตัดสินใจว่าเราจะได้งานตามที่เราต้องการหรือไม่ 

อีกเรื่องที่สำคัญคือ  หากมันอ่อนระโหยโรยแรงมาก  ก็หาโอกาสพักผ่อนชาร์จไฟให้กับตัวเอง แล้วกลัยมาทำงานใหม่  แต่หากจุดไฟในตัวไม่ติดแล้ว  กลับมาทำงาน  เราก็จะเจออะไรที่มันน่าเบื่อเหมือนเดิมล่ะครับ  ยิ่งที่สภาวะเศรษฐกิจการค้าแบบนี้แล้ว  มันมีแต่กดดันและน่าเบื่อหน่ายจนชวนให้เราอยากลาออกวันละ 3 เวลาหลังอาหาร

 

การเบื่องาน จึงอาจแก้ได้ง่ายๆ  ซึ่งผมขอนำเสนอสูตรสำเร็จที่คุณแจ๊ค มินธ์ อิงค์ ธเนศ เขียนเสนอเอาไว้ 4 ข้อ  ซึ่งก็น่าจะช่วยให้ทุกท่านรู้สึกดีขึ้นได้อีกมากโขทีเดียว  


(1)  ระบายมันออกไป คือต้องเปิดใจระบายความรู้สึกนั้นออกไปเสีย ไม่ว่าจะให้เพื่อน หรือคนในครอบครัวได้รับรู้ เพราะการเก็บปัญหาไว้กับตัวเองมากเกินไปอาจเป็นการสะสมความเครียดและทำให้เราระเบิดอารมณ์ขึ้นมาได้เมื่อถึงจุดหนึ่ง


(2)  เปลี่ยนไปหาสิ่งใหม่ ต้องรู้จักเปิดมุมมองใหม่ๆ เป็นการพักสมอง พักความคิดให้เรามองเห็นสิ่งใหม่ที่ซ่อนอยู่ เช่นเดียวกับโทรศัพท์มือถือที่มีฟังก์ชัน
Divert ในกรณีที่สายไม่ว่าง เราเองก็สามารถหันไปสนใจสิ่งอื่นๆ นอกเหนือจากงานได้เพื่อผ่อนคลาย


(3)  หาอย่างอื่นทำบ้าง เพื่อหาทางผ่องถ่ายตัวเองและเพื่อสร้างสมดุลให้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นกีฬา หรือการทำสมาธิ เพราะการหมกหมุ่นอยู่กับงานมากเกินไป อาจทำให้เรามีมุมมองชีวิตที่แคบ และขาดสิ่งยึดเหนี่ยวอื่นๆ เช่นครอบครัว สังคม เพื่อนฝูง


(4)  เข้าหาความสงบในใจ โดยใช้กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับศาสนา หรือความเชื่อ เพื่อช่วยให้เรามีที่ยึดเหนี่ยว และรู้สึกถึงเป้าหมายที่แท้จริงในการทำงานที่ไม่จำเป็นต้องเป็นผลประโยชน์ของเราแต่เพียงอย่างเดียว

 

ลองดูนะครับ   เมฆดำที่มืดทมึน มันไม่ได้เกิดขึ้นตลอดเวลาฉันใด  ความทุกข์ไม่สบายใจในเรื่องงานของเราก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับเราตลอดเวลาฉันนั้น  เพียงแต่เราจะจัดการกับมันอย่างไรให้เกิดความสุขในการทำงาน  เกร็ดเล็กน้อยที่ผมได้นำเสนอจากแหล่งต่าง ๆ ก่อนหน้า  น่าจะช่วยท่านผู้อ่าน ได้ในระดับหนึ่ง  แต่จะช่วยได้มากครับ หากท่านกลับมาพิจารณาทบทวนและใช้สติไตร่ตรองด้วยตัวท่านเอง 

 

เมื่อวานผมซื้อหนังสือเล่มหนึ่ง  ผมเองเขียนไว้บนปกหนังสือว่า ซื้อมาวันนี้ และ “อายุ 35 แล้วนะ  ชีวิตหน้าที่การงานเราไปถึงไหนแล้ว ??”  เพื่อเตือนสติตัวเองว่า เป้าหมายที่ต้องการไปให้ถึงนั้นอีกไกล  ตอนนี้มันสะดุดไปบ้าง  แต่ก็ต้องสร้างทางเดินของเราด้วยปัญญาครับ    


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที