การประมาณอำนาจซื้อ
คำว่า อำนาจซื้อ ที่นักวิชาการตลาดชอบพูดเวลา มีโอกาสที่จะพูดเช่นออกทีวี หรือแม้กระทั่งอาจารย์เวลาสอนหนังสือ ที่แท้จริงคือความสามารถที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการที่จะซื้อสินค้าและรับบริการจากกิจการจ่ายเงินเพื่อแลกมา สำหรับการประมาณอำนาจซื้อนั้นส่วนใหญ่ตำราวิชาการหลายเล่มเขียนว่าแหล่งซึ่งได้รับความนิยมแหล่งหนึ่งคือ สำนักงานสำมะโนประชากรซึ่งเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะประชากรอย่างกว้างขวาง เช่น เพศ อายุ รายได้ การศึกษา บ้านพักอาศัย และอาชีพ ส่วนแหล่งที่สองคือ การสำรวจประจำปี แหล่งข้อมูลแหล่งที่สามคือ ข้อมูลที่ได้จากแหล่งต่างๆในท้องที่ เช่นหอการค้าหรือสมาคมการค้า แหล่งสุดท้ายคือการสำรวจตลาด บริเวณการค้าที่เฉพาะเจาะจง แต่ขอให้ลองตั้งข้อสังเกตดูว่า ลูกค้าจากข้อมูลดังกล่าวมีความสามารถที่จะซื้อสินค้าและรับบริการจากกิจการพร้อมที่จะจ่ายเงินเพื่อแลกมาโดยไม่มีเงื่อนไข หรือเปล่าถ้าใช่นั่นคืออำนาจซื้อที่แท้จริงถ้ามองในแง่เถ้าแก่
เมื่อพิจาณาถึงปัจจัยของกำลังซื้อหรืออำนาจซื้อนั้น ผู้บริหารร้านค้าปลีกขนาดย่อมหรือที่เรียกทับศัพท์ว่าเถ้าแก่ควรจะมุ่งพิจารณาในระดับรายได้และฐานะทางสังคมของประชากรในย่านที่จะตั้งร้านค้าปลีกขนาดย่อมขึ้นมาควรจะทราบว่าร้านค้าปลีกขนดย่อมนั้นมีเป้าหมายจะขายให้ใคร ใครคือผู้ซื้อและจะขายให้ใคร ลูกค้าระดับไหนถึงจะซื้อสินค้าจากร้านเราได้ ดั้งนั้นก่อนจะเปิดร้านควรหาข้อมูลเหล่านี้ด้วย เช่นวางแผนเปิดร้านขายจักรยาน ทำเลควรอยู่ในย่านชานเมือง หรือในตัวอำเภอที่มีจราจรไม่คับคั่งร้านค้าปลีกขนาดย่อมควรเลือกลูกค้าที่มีรายได้และอำนาจซื้อปานกลาง หรือกรรมกร ผู้ใช้แรงงานที่ไม่มีทุนทรัพย์เพียงพอที่จะซื้อพาหนะเติมน้ำมัน
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าย่านที่มีลูกค้าที่รายได้หรืออำนาจซื้อสูง หรือต่ำย่อมมีความสัมพันธ์กันใกล้ชิดกับยอดขายของร้านค้าปลีกขนาดย่อมปัจจัยดังกล่าวจึงเป็นมูลเหตุสำคัญประการหนึ่ง ที่ควรนำมาพิจารณาในการเลือกทำเลที่ตั้งร้านค้าปลีกขนาดย่อม
การประมาณอำนาจซื้อ ในการประมาณอำนาจซื้อของตลาดของบริษัทชั้นนำมักจะวัดจากกว้างเข้าไปหาแคบ โดยวัดอุปสงค์รวมของตลาด ( Total Market Demand) เป็นสิ่งแรกนั่นคือ สิ่งที่ธุรกิจค้าปลีกขนาดย่อมควรจะทราบเช่นกัน ทั้งนี้เพราะเป็นการพยากรณ์ความต้องการของตลาดทั้งหมดในแต่ละปีเพื่อการวางแผนซึ่งหมายถึงปริมาณของสินค้าที่จะถูกซื้อโดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย นั่นเอง
ตัวอย่างการประมาณอำนาจซื้ออย่างง่ายแบบที่เถ้าแก่มืออาชีพทำกัน
1. สุ่มครอบครัวจากจำนวนครอบครัวทั้งหมดจากบริเวณที่ต้องการตั้งกิจการร้านค้าปลีกขนาดย่อม
โดยไม่เจาะจง 100 ครอบครัว
2. คูณจำนวนครัวเรือน (ครอบครัว) ด้วยรายได้ของครอบครัวถัวเฉลี่ยที่หาได้จากข้อมูลสำมะโน
ประชากร(สมมุติเป็นเงิน 2,000 บาท)
3. เท่ากับอำนาจซื้อทั้งหมด (รายได้ที่จับจ่ายใช้สอยรวม 200,000 บาท)
โดยความเป็นจริงแล้วสถานการณ์สิ่งแวดล้อมทางการตลาดไม่คงที่เสมอไป เช่นความต้องการซื้อโทรศัพท์มือถือย่อมมีมากหากเศรษฐกิจรุ่งเรืองและน้อยหากเศรษฐกิจตกต่ำ ฉะนั้นผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกขนาดย่อมเองควรที่จะวิเคราะห์สถานการณ์ทางเศรษฐกิจให้ได้หรือในกรณีที่เป็นสินค้าสะดวกซื้อที่มีความจำเป็นทุกครัวเรือนจะมีปริมาณความต้องการค่อนข้างคงที่ตลอดทั้งปี ดังนั้นเพื่อความแม่นยำในการพยากรณ์ในทางการตลาดมีวิธีประมาณอำนาจซื้ออยู่อีกวิธีคือ
วิธีการประมาณอำนาจซื้อแบบเส้นตรง
วิธีการประมาณอำนาจซื้อแบบเส้นตรง ในขั้นแรกของการพยากรณ์ต้องทราบความต้องการสำหรับผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่งก่อนว่าในตลาดมีความต้องการซื้อมากหรือน้อย ทั้งนี้เพื่อเปรียบเทียบสัดส่วนของยอดขายผลิตภัณฑ์ต่อจำนวนประชากรที่อาศัยในบริเวณนั้นเมื่อขายผ่านร้านค้าปลีกขนาดย่อมของผู้ประกอบการ แทนค่าด้วย S
ขั้นที่สอง จะต้องทราบสัดส่วนของจำนวนประชากรในบริเวณของทำเลที่ตั้งร้านค้าปลีกขนาดย่อม แทนค่าด้วย P
ขั้นที่สาม อำนาจซื้อของประชากรในบริเวณทำเลที่ตั้งร้านค้าปลีกขนาดย่อม แทนค่าด้วย B
ตัวอย่าง ในตำบลหนึ่งมีจำนวนประชากรอาศัยอยู่ 700 คนแต่ละคนมีค่าใช้จ่ายที่จะซื้อสบู่เดือนละ 20 บาทโดยเฉลี่ยดังนั้นอำนาจซื้อของประชากรในบริเวณทำเลที่ตั้งร้านค้าปลีกขนาดย่อมมีค่าเท่ากับ
700 x 20 = 14,000 บาท
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที