กลยุทธ์การปรับตัวแบบ Effective Organization หรือกลยุทธ์ความมีประสิทธิผล (Effectiveness) เป็นการปรับตัวขององค์การด้วยการสร้างความมีประสิทธิผลให้เกิดขึ้นในการปฏิบัติ โดยยึดหลักการพื้นฐานด้านการปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่องอย่างไม่มีที่สิ้นสุด โดยมี 2 องค์การที่เป็นกรณีศึกษา ได้แก่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และบริษัท ออโต้ อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งทั้งสององค์การต่างให้ความสำคัญกับเรื่องของการสร้างประสิทธิผลในองค์การอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นในสถานการณ์ปกติ หรือในวิกฤติเศรษฐกิจ
เริ่มต้นจาก Auto Alliance (Thailand)
1) Auto Alliance (Thailand) มองว่า ปัจจัยสำคัญที่เป็นองค์ประกอบหลักในการสร้างให้เกิดประสิทธิผลขององค์การ อธิบายได้ด้วยสูตร 3Px3C = OE ซึ่งจะเป็นองค์ประกอบหลักในการขับเคลื่อนให้การดำเนินงานขององค์การเป็นไปอย่างราบรื่น
3 P ประกอบด้วย สินค้า (Product) คือสินค้าที่ดี รวมทั้งการบริการที่มีคุณภาพ กระบวนการ (Process) หมายถึงกระบวนการทั้งภายในและภายนอกที่จะต้องมี และบุคลากร (People) หมายถึงการที่องค์การจะต้องมีพนักงานที่มีคุณค่า และปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งองค์ประกอบทั้งสามด้านจะเป็นปัจจัยหลักที่องค์การจะต้องมีการพัฒนาหรือปรับปรุงให้เกิดประสิทธิภาพขึ้นอย่างต่อเนื่อง (Continuous Improvement) จึงจะทำให้องค์การสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น รวมถึงมีความพร้อมที่จะรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมและสภาวการณ์วิกฤติที่เข้ามากระทบต่อองค์การได้
2) Auto Alliance (Thailand) มองว่า ปัจจัยที่เป็นองค์ประกอบสนับสนุนที่สำคัญที่จะทำให้ 3P นั้น สามารถขับเคลื่อนไปด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ คือ 3C ซึ่งจะประกอบไปด้วย
การสื่อสาร (Communication) เป็นสิ่งที่สำคัญที่จะสร้างให้พนักงานเกิดความเข้าใจองค์การ ไม่ว่าจะเป็นในสถานการณ์ปกติ ที่การสื่อสารเป็นเครื่องมือในการสร้างความรับรู้ และสร้างจิตสำนึกและความตระหนัก เมื่อองค์การอยู่ในสถานการณ์วิกฤติที่เกิดขึ้น รวมทั้งยังใช้เป็นเครื่องมือที่นำมาเพื่อการสร้างให้เกิดขวัญ กำลังใจ รวมทั้งความเชื่อมั่นให้แก่พนักงานด้วย นอกจากนี้ปัจจัยที่
วัฒนธรรมองค์การ (Culture) เป็นรากฐานที่สำคัญในการสนับสนุนการสร้างประสิทธิผลขององค์การต่อการรองรับวิกฤติที่เกิดขึ้นด้วย ทั้งนี้เนื่องจากวัฒนธรรมองค์การถือเป็นเรื่องที่เป็นการสร้างและปลูกฝังให้เกิดความเชื่อและแนวทางปฏิบัติของคนในองค์การ ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมถึงมีความสอดคล้องต่อการรับมือต่อสภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้น เช่น การสร้างให้เกิดวัฒนธรรมในการท้าทายต่อปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น
ความร่วมมือร่วมใจ (Collaboration) คือการร่วมแรงร่วมใจของทุกคนในองค์การ ที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหาวิกฤติที่เกิดขึ้นแก่องค์การ โดยการสร้างให้เกิดความร่วมมือแก่องค์การของพนักงาน การสร้างวัฒนธรรมที่เข้มแข็งต่อการรองรับปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง และเรื่องของการสื่อสาร จะเป็นปัจจัยเกื้อหนุนในการสร้างให้เกิดปัจจัยทั้งสามร่วมกัน และจะช่วยผลักดันปัจจัยภายในหรือองค์ประกอบ 3P เพื่อสร้างให้เกิดประสิทธิผลขององค์การได้ในที่สุด
รายละเอียดของเรื่องนี้ ท่านผู้อ่านสามารถติดตามได้ในเอกสารประกอบการสัมมนาทางวิชาการซึ่งจัดทำโดยนักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และองค์การ คณะพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ โดย Download ได้ที่ลิงค์ต่อไปนี้ครับ http://www.hrd.nida.ac.th/change.php
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที