ชัชรินทร์

ผู้เขียน : ชัชรินทร์

อัพเดท: 24 ต.ค. 2006 10.40 น. บทความนี้มีผู้ชม: 16724 ครั้ง

หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า ภูกระดึง มีเส้นทางขึ้นอีกเส้นทางหนึ่ง ซึ่งอาจจะยากลำบาก แต่ก็เต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม


บทที่ 2 : จากหล่มสักไปฟองใต้

  บันทึกการเดินทางไปภูกระดึง (ฝั่งบ้านฟองใต้ ต.วังกวาง อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์) 
  ระหว่างวันที่ 1-4 ธ.ค. 2548                    
                                 
  "บทที่ 2 : จากหล่มสัก ไปฟองใต้"                      
                                 
  วันที่ 2 ธ.ค. ไปถึงที่ป้อมตำรวจตอนตี 5 กว่าๆ ไปดูตารางเวลารถออก (ประมาณ 6 โมงเช้า) ได้คุยกับนักท่องเที่ยวแถวนั้น และไปแวะเข้าห้องน้ำที่สถานีตำรวจ ออกมาเห็นรถทัวร์  
มาจอดพอดี เลยรีบขึ้นรถ (หล่มสัก-ชุมแพ) พร้อมกับบอกว่า ถ้าถึงบริเวณ "แยกห้วยสนามทราย" (ค่ารถ 45 บาท) ให้จอดด้วย ระหว่างทางก็หลับๆ ตื่นๆ ตลอดทาง เมื่อเห็นอุทยาน    
แห่งชาติน้ำหนาวก็ตื่นตลอดทาง เพราะจำได้ว่า อีกไม่ไกลก็คงถึงแล้ว                       
  เวลาประมาณ 07.30 น. ถึงบริเวณ"แยกห้วยสนามทราย" ลงจากรถพร้อมคุณครูคนหนึ่ง แวะซื้อข้าวหลามบริเวณใกล้เคียง ครูถามว่า จะไปไหน ก็ตอบว่า ไปบ้านฟองใต้     
Bitmap
แยกห้วยสนามทราย
Center Center
 
                แต่ไม่รู้เวลารถสองแถวว่า จะมาตอนกี่โมง ครูก็เลยชวนขึ้นรถไปด้วยกัน     
                  แต่ต้องลงระหว่างทาง (ประมาณ 20 กิโล) ต้องไปต่อรถเองอีกครึ่งทาง    
                  (ตอนแรกแม่ค้าขายข้าวหลามกะจะเรียกมอเตอร์ไซด์รับจ้างให้แล้ว ซึ่ง    
                  คาดว่า น่าจะแพงมากๆ) ก็เลยตัดสินใจไปกับครูพร้อมผู้อาศัยอีก 1 คน    
                  นั่งบนท้ายรถกระบะ (ลมเย็นมาก) ก็คุยกันไปตลอดทาง จึงได้รู้ข้อมูล    
                  เกี่ยวกับที่นี่ว่า ส่วนใหญ่ทำไร่ และคนรุ่นใหม่นิยมไปทำงานที่กทม. และ    
                  คนในพื้นที่ไม่ค่อยได้ขึ้นไปเที่ยวบนภูกระดึงเท่าใดนัก      
                  Bitmap
ร้านขายข้าวหลาม
Center Center
   
                     
                     
                     
                     
                     
                     
                     
                     
                     
                     
                     
  พอถึงจุดลงรถ บริเวณศาลาเพื่อคอยรถสองแถว ก็ได้ขอบคุณในความมีน้ำใจของคุณครู และนั่งรอรถตั้งแต่ช่วง 08.30 น. จนเกือบ 10 โมงก็ยังไม่มีรถมา ระหว่างรอรถ    
ก็ได้สังเกตว่า หมาบริเวณนั้น อ้วนมาก (สงสัยว่า จะเก็บสะสมไขมันไว้ในหน้าหนาว) ต่อมา ก็มีคนมาเสนอว่า จะจ้างมอเตอร์ไซด์เข้าไปบ้านฟองใต้คิด 200 บาท ก็ต่อเค้าเหลือ 150 บาท    
แต่โชคดีที่เค้ายังหารถไม่ได้ ประจวบกับรถขนข้าวโพด (รถ 6 ล้อสีฟ้า) เพื่อจะไปบริเวณ ต.วังกวางมาพอดี ก็เลยติดรถไปกับชาวบ้านอีก 4-5 คน (ค่ารถ 10 บาท)        
Bitmap
บนรถสองแถว
Center Center
 
            ไปถึงวังกวางแล้ว แต่ยังไม่ถึงบ้านฟองใต้ ยังเหลือระยะทางอีกประมาณ 9 กิโล เลยได้ไปสอบถาม    
            ลุงร้านขายของแถวนั้น เค้าบอกว่า จะมีรถผู้ใหญ่บ้านเข้าไปยังหมู่บ้านช่วงบ่าย 2 แต่ตอนนั้นก็เกือบ 11.00 น.    
            ประจวบกับที่ลุงเค้าเสนอว่า จะขี่รถมอเตอร์ไซด์ไปส่ง (ตอนแรกคิดว่า "ฟรี") แต่ลุงบอกว่า แต่ก่อน ทางไม่ดีมาก   
            คิด 150 ตอนนี้ทางดีขึ้นมาหน่อยเหลือ 120 บาท ตอนนั้น คิดว่า แพงมาก แต่ความที่อยากจะไปให้ถึงเร็วๆ (ขี้เกียจรอนาน)   
            เลยตัดใจยอมซ้อนแมงกะไซด์เข้าไปในหมู่บ้าน ที่นี่กำลังทำทางให้ดีขึ้น แต่บางจุดก็ยังขรุขระอยู่บ้าง นั่งจนเมื่อยเลย  
            กว่าจะไปถึงบ้านฟองใต้ ไปถึงก็ถามหาผู้ใหญ่บ้าน (ผู้ใหญ่เสมียน) แต่ท่านไม่อยู่ไปประชุม เลยถามคนในหมู่บ้านว่า  
            จะให้พักแบบ Home Stay ที่ไหน ปรากฏว่า ให้พักบ้านคุณบุญทัน (ตอนแรกไม่รู้จะเรียกอา หรือพี่ดี แต่ตอนหลัง  
            เค้าเรียกแทนตัวเองว่า "พ่อ" ก็เลยตามน้ำไปตามนั้น) ลักษณะก็เป็นบ้านไม้เปิดโล่ง (ชั้น 2 กำลังสร้าง) และกางมุ้งนอน  
              ถึงประมาณ 11 โมงกว่า ก็เอาของไปเก็บในบ้าน พร้อมทั้งอาบน้ำ จำได้ว่า น้ำขันแรกที่สัมผัสโดนร่างกายนั้น   
            เย็นมากๆๆ (สมกับชื่อ อ.น้ำหนาว) อาบเสร็จก็กินข้าว ที่นี่อาหารหลักคือ ข้าวเหนียว กับ ผักลวก + น้ำพริก แต่เค้าสั่ง  
            ส้มตำและไข่เจียวให้เพิ่ม ตอนนั้นให้กินอะไรก็กินล่ะ เพราะหิวและเพลียมาก พอกินเสร็จ หนังตาเริ่มหย่อน    
            เลยขอเค้างีบไป 1 ชั่วโมง ตื่นมาอีกทีตอนบ่าย 2 คุณบุญทันบอกว่าจะพาไปเที่ยว "น้ำตกตาดฮ้อง"      
Bitmap Bitmap
ที่พักแบบ Home Stay
Center Center
Bitmap Bitmap
 
                               
                                 
  "น้ำตกตาดฮ้อง" เป็นน้ำตกที่อยู่ไม่ไกลจากที่พักนัก แต่ต้องนั่งมอไซด์                    
ไปเกือบครึ่งชั่วโมง ทางก็ขรุขระกว่าเดิมอีก มีทั้งทางขึ้นและลงเขา (โคตรเมื่อยเลย                    
กว่าจะไปถึง) แต่ก็ถือว่าเป็นการฝึกซ้อมก่อนจะขึ้นภูกระดึงในวันพรุ่งนี้ (3 ธ.ค.)                    
ได้เดินเที่ยวบริเวณโดยรอบ โดยกระโดดไปตามโขดหินต่างๆ ตั้งแต่บนน้ำตกจนถึง                    
ด้านล่างน้ำตก เค้าก็ถามว่า น้ำตกสวยมั้ย ด้วยมารยาทที่ดี ก็ต้องตอบไปว่า สวยครับ                    
แต่ในใจคิดว่า เฉยๆ เพราะเคยไปทีลอซูมาแล้ว สวยกว่านี้ไม่รู้กี่เท่า แต่เอาเหอะ                    
ไหนๆ เค้าก็พามาแล้ว ก็ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อย จริงๆ ชอบเดินตามโขดหิน                    
เพราะมันได้ออกกำลังกาย + ฝึกการทรงตัว (เกือบพลาดและลื่นตกหินไป 2-3 ครั้ง)                    
กว่าจะเดินรอบน้ำตกก็เกือบ 2 ชั่วโมง (เหงื่อออกเยอะมาก แต่ยังดีที่ใส่เสื้อตัวเก่า                    
ยังไม่ได้เปลี่ยน ไม่งั้นเสื้อไม่พอแน่ๆ)                          
                                 
                                 
                                 
                                 
                                 
                                 
                                 
                                 
                                 
                                 
                            จากนั้นก็กลับไปยังหมู่บ้านด้วยทางลัดผ่านลำน้ำตื้นๆ   
                      แต่ต้องจูงมอไซด์เพราะกลัวน้ำจะเข้าไปในท่อรถ ก็ช่วยเค้า  
                      ดันรถตอนจะขึ้นไปข้างบน (สนุกดี)      
                            มาถึงบ้านก็นั่งพักสักครู่ ลูกชายเค้า (ติ๊ก) ก็พาไปเที่ยว  
                      วัดประจำหมู่บ้าน (กำลังสร้างอยู่) ซึ่งมีพระจำวัดเพียงรูปเดียว   
                      ก็ได้สนทนาธรรมกับท่านสักพัก (ท่านชวนให้มาบวชที่นี่   
                      แต่ในใจยังไม่สงบพอ เลยบอกไปว่า ขอรอให้พร้อมก่อน)   
                      ก่อนกลับก็ทำบุญสร้างวัดไป 100 บาท แล้วก็กลับไปที่บ้าน  
                      (สายลมหนาวพัดผ่านใบหน้าและผิวหนังตลอดทาง)  
                                 
                                 
                                 
  กลับมาถึงที่บ้าน ก็รีบอาบน้ำก่อนเลย เพราะอากาศหนาว (แต่ตอนนี้เริ่มจะชินกับความเย็นของน้ำที่สัมผัสกับร่างกายแล้ว) อาบเสร็จก็กินข้าวเย็น (ข้าวเหนียว + ผักลวก + น้ำพริก + หมูต้ม)   
ก็คุยกันสักพัก แล้วก็ขอขึ้นไปดูทีวี ซึ่งรับได้เฉพาะช่อง 7 และ 11 ดูข่าวซีเกมส์เสร็จแล้ว ก็กะจะนอนเลย เพราะง่วงมากๆ ตอนแรกเค้าก็ถามว่า กลัวมั้ย นอนคนเดียวได้หรือเปล่า จริงๆ อยาก  
บอกว่า อยู่คนเดียวจนชินแล้ว แค่นี้เด็กๆ แต่ก็ต้องตอบไปอย่างผู้มีมารยาทว่า ไม่เป็นไรครับ นอนได้ (ที่จริงเค้าจะให้ลูกชายเค้ามานอนเป็นเพื่อน แต่ไอ้น้องคนนี้ก็ดันไปกินเหล้าเมาอยู่ที่วงเหล้า   
ตรงข้ามกับบ้าน แล้วก็คงนอนอยู่แถวนั้นเลยมั้ง) ถ้าถามความรู้สึกตอนนั้น ถ้าจะกลัวก็คงเป็นคน (ขโมย) อย่างเดียวเพราะเป็นบ้านเปิดโล่ง ใครจะเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้ ส่วนเรื่องผีนี่ไม่มีอยู่ในหัว   
  หลังจากที่ไม่อยากคิดอะไรแล้ว ก็เลยปิดไฟ กางมุ้ง และห่มผ้าพร้อมทั้งหลับตาลงนอนด้วยความเหน็ดเหนื่อยในเวลาประมาณ 3 ทุ่ม  (เก็บแรงไว้ขึ้นภูกระดึงในวันรุ่งขึ้น)    
                                 
                                 
                                 
      จบบทที่ 2    

บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที