บทนำ - ที่มาที่ไปของเหตุและผล
มนุษย์เรานั้น ไม่ว่ายากดีมีจน เชื้อชาติ ศาสนา ยุคใด สมัยใด ก็ตาม
มักจะประสบ ปัญหาพื้นฐาน หรือความทุกข์ อันเดียวกันเสมอ เป็นเพราะเหตุใดกันแน่
มนุษย์เรานั้น มาจากแม่คนเดียวกัน และกลับสู่แม่ คนเดียวกันเสมอ
นั่นก็คือ ธรรมชาติ เป็นดังมารดา ของทุกสิ่ง คอยโอบกอดทุกสิ่งไว้ นั่นเอง
ความเชื่อ ศรัทธา ศาสนา เชื้อชาติ ยากดีมีจน นั้น
เป็นเพียงการมอง การรับรู้ การแปล ผ่านแว่นที่ต่างกัน และเกิดขึ้นมา ทีหลังทั้งสิ้น
หากถอดแว่นของเราออก ก็ย่อมจะมองเห็น ทุกสิ่ง เหมือนกัน ตามความเป็นจริง
จะเห็นว่า มนุษย์เรานั้น มีความเป็นคน เท่าเทียมกัน ทุกคน ตั้งแต่เกิด
จึงไม่ควรแบ่งแยกกันโดย ความเชื่อ ศรัทธา ศาสนา เชื้อชาติ ยากดีมีจน ทั้งปวง
หากถอดแว่นของเราออก ก็ย่อมจะมองเห็น ความเป็นจริง ความเท่าเทียมกัน
เพราะเรามาจากแม่ และกลับสู่จากแม่ คนเดียวกัน
เราทุกคนจึงมีความเป็นคน เท่าเทียมกัน เราได้รับสิ่งต่างๆ จากแม่ เท่าเทียมกัน
ภายนอกนั้น ด้านกาย เรามีสุขและทุกข์จาก การเกิด แก่ เจ็บ ตาย เท่าเทียมกัน
ภายในนั้น ด้านใจ เรามีสุขและทุกข์จาก ความกลัว ความอยาก ความโกรธ เท่าเทียมกัน
ดังนั้น ความสุขและทุกข์พื้นฐาน ของเราทุกคน จึงเท่าเทียมกัน ไม่ต่างกันเลย
การเกิดมาในฐานะมนุษย์เรานั้น ย่อมพอใจ เป็นสุขยิ่ง เมื่อความอยากต่างๆ ได้รับการตอบสนอง
การเกิดมาในฐานะมนุษย์เรานั้น ย่อมไม่พอใจ เป็นทุกข์ยิ่ง เมื่อความสุข มีอุปสรรค จืดจาง หมดสิ้นไป
ความพอใจ และความสุขนั้น ย่อมเกิดขึ้นมา จากมูลเหตุ ความอยากต่างๆ ตามเงื่อนไข
ความไม่พอใจ และความทุกข์นั้น จึงเกิดขึ้น จากการสิ้นสุดของ ความพอใจ และความสุข นั่นเอง
มนุษย์เรานั้น มักจะหัวเราะ เมื่อมีความพอใจ ในความสุข เิกิดขึ้น
แต่มนุษย์เรานั้น กลับต้องร้องให้ เมื่อความพอใจ ในความสุขนั้น ได้สิ้นสุดลง
ความทุกข์และความสุข ของมนุษย์เรา มีขึ้น มีลง มีเกิด มีสิ้นสุด ไปเรื่อยๆ
เป็นดุจคลื่นความสุข ความทุกข์ ในทะลอันไร้ฝั่ง ไม่มีสิ้นสุด
ดังนั้นใน ความสุขและทุกข์อันไม่สิ้นสุดนี้ จึงกลายเป็น ปัญหาหลัก ของมนุษย์เราทุกคน
จุดมุ่งหมาย ในการเกิดมาเป็น มนุษย์
เพื่อให้เราทุกคน ได้รับประโยชน์สูงสุด จากการเกิดมาเป็น มนุษย์
สัตว์โลกเผ่าพันธุื์อื่นนั้น มีวงจรชีวิต แค่ กิน ขี้ ปี้ นอน เท่านั้น
แต่มนุษย์เรา เป็นสัตว์โลก ที่ต่างออกไป ไม่จำเป็นต้อง กิน ขี้ ปี้ นอน อย่างเดียว
สามารถฝึก พัฒนา เพื่อเป็นผู้มีจิตใจสูง เื่พื่ิอได้รับประโยชน์สูงสุด จากการเกิดมาเป็น มนุษย์ได้
มนุษย์เราทุกคน ย่อมเกิดมากับ พรสวรรค์โดยกำเนิด ของเผ่าพันธุ์มนุษย์
จิตใจของมนุษย์เรา เป็นดุจกล่องที่คอยเก็บ พรสวรรค์ ทั้งปวงนั้น
แต่มนุษย์เราทุกคน มักไม่รู้ มักโดนปิดกั้น โดนปิดล็อก ตามมูลเหตุ เงื่อนไข ต่างๆกันไป เช่น
ความกลัว ความอยาก ความโกรธ ความเชื่อ ศรัทธา ความงมงาย และปมในใจ ต่างๆกันออกไป
เมื่อใจเราโดนล็อก มีปมในใจ มีเงื่อนไข ต่างๆกันออกไป การปลดล็อก ย่อมต่างกัน ตามมูลเหตุ ตามเงื่อนไข
แต่ละคนย่อมต้องค้นหา ชุดกุญแจ อันเฉพาะของตนเอง เพื่อปลดล็อก ปมในใจ ที่ต่างกันออกไป
หากเราดื้อดึง ใช้กุจแจชุดเดียวกัน เพื่อปลดล็อก ใจคนทุกคน
ย่อมไม่ตรงตามมูลเหตุ ตามเงื่อนไข ตามความเป็นจริง และย่อมเกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา มากมาย
ชุดกุญแจพื้นฐาน เพื่อเบิกทางแก่ กุญแจชุดอื่นๆ
เพื่อให้เราพิจารณาและปฎิบัติจริง ต่อไปอย่าง สั้น กระชับ เข้าใจง่าย เชื่อมโยงง่าย
ใช้งานง่าย ตรวจสอบง่าย ถ่ายทอดง่าย เราต้องมี ชุดกุญแจพื้นฐาน ก่อน
สติปัญญา กล้าหาญ ซื่อตรง กาย วาจา ใจ ที่ดี เข้มแข็ง บริบรูณ์นั้น
ย่อมเป็น ชุดกุญแจพื้นฐาน เื่พื่อเบิกทาง แก่กุญแจชุดอื่นๆ
เพื่อช่วย ส่องสว่าง นำทิศทาง ที่ถูกต้อง ตามจริง เพื่อใช้ไขความลับ เบื้องต้น ของสิ่งต่างๆ
เคล็ดประจำตัว เพื่อใช้ไขความลับ เบื้องหน้า ของสิ่งต่างๆ ว่า ความคิด ความรู้ ภูมิปัญญา ความเชื่อ ศรัทธาใด และสิ่งใดๆ
ที่เป็นของจริงแท้ ย่อมทน ย่อมเต็มใจ ย่อมเปิดกว้าง ต่อการพิสูจน์ โต้แย้ง ไม่ขึ้นกับสถานที่ บุคคล ยุคสมัยและกาลเวลา
ภาคสาม บทที่ ๔ ความอยาก และความโกรธ ผู้มีอิทธิพลสูงสุด ตัวจริง ต่อสันติภาพ ต่อความยุติธรรม
อันดับแรก ที่ไปที่มา ของสันติภาพ และความยุติธรรม
จากบทนำ เราได้พิจารณาดูว่า มนุษย์เราทุกคนล้วน มาจากธรรมชาติในตอนแรก
และต้องกลับสู่ธรรมชาติในต้อนท้าย อย่างเท่าเทียมกัน ไม่ต่างกัน
ในบทนี้ เราจะลองพิจารณาต่อไปคือ สันติภาพ
จะเห็นว่า เป็นประเด็น ที่ ผู้นำในด้านต่างๆ ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ให้ความสนใจยิ่ง
แม้ในรางวัลระดับโลก อย่างโนเบล ก็มี รางวัล เพื่อสันติภาพ เป็นตัวหลัก เป็นตัวชูโรง
แต่ในความเป็นจริง จากทั่วทุกมุมโลกนั้น เรามี สันติภาพ มากน้อยแค่ไหน กันแน่
แต่ในความเป็นจริง จากทั่วทุกมุมโลกนั้น เรามี สันติภาพ แท้จริง ยั่งยืน หรือไม่
หากกล้าหาญ ซื่อตรงมากพอ จะเห็นว่า สันติภาพ เป็นจุดมุ่งหมายในใจ
เป็นความหวัง เป็นผลลัพธ์ ที่เราอยากได้ อยากมี เป็นสิ่งที่เราต้องการ
ลองพิจารณาต่อว่า มูลเหตุ อะไรที่เป็น เงื่อนไขให้เกิด สันติภาพ ขึ้นได้
จะเห็นว่า สิ่งที่ผุด ขึ้นมาในใจ เราอย่างอัตโนมัติเลย ก็คือ ความยุติธรรม นั่นเอง
แต่ในความเป็นจริง จากทั่วทุกมุมโลกนั้น เรามี ความยุติธรรม มากน้อยแค่ไหน กันแน่
แต่ในความเป็นจริง จากทั่วทุกมุมโลกนั้น เรามี ความยุติธรรม แท้จริง ยั่งยืน หรือไม่
แต่ในความเป็นจริง ในชีวิตประจำวัน การปฎิบัติจริง ของเรา มีความยุติธรรม หรือไม่
แต่ในความเป็นจริง ในชีวิตประจำวัน การปฎิบัติจริง ของเรา เกิดความยุติธรรม หรือ อยุติธรรม กันแน่
แต่ในความเป็นจริง ในชีวิตประจำวัน การปฎิบัติจริง รวมกันของเราทุกคน เกิดความยุติธรรม หรือ อยุติธรรม กันแน่
เป็นคำตอบที่ เราต้องพิจารณา และตอบตัวเอง ให้ได้ก่อน ในเบื้องต้น
อันดับสอง ความอยาก และความโกรธ ผู้มีอิทธิพลสูงสุด ตัวจริง
จากบทนำ เราได้พิจารณาดูว่า มนุษย์เราทุกคนล้วน มาจากธรรมชาติในตอนแรก
และต้องกลับสู่ธรรมชาติในต้อนท้าย อย่างเท่าเทียมกัน ไม่ต่างกัน
ธรรมชาตินั้น ได้ให้ความเท่าเทียมกัน แ่ก่มนุษย์เรา ทุกคน ไม่ต่างกันเลย
แต่เหตุใด ความยุติธรรม ในสังคมมนุษย์ ทุกหมู่เหล่า จึงหาได้ เท่าเทียมกันไม่
แต่เหตุใด ความยุติธรรม ในสังคมมนุษย์ ทุกหมู่เหล่า จึงมีปัญหา
ในเรื่อง ความเท่าเทียมกัน มากเหลือเกิน
เมื่อเราเดินทวนขึ้นไปต้นน้ำ เพื่อดูจุดเริ่ม จะเห็นว่า
ผลลัพธ์ต่างๆ ในทุกสิ่ง ที่มนุษย์เรากระทำ ล้วนเกิดมาจาก ตัวมนุษย์เราเอง
ผลลัพธ์ต่างๆ ในทุกสิ่ง ที่มนุษย์เรากระทำ ล้วนเกิดมาจาก ความอยาก ความโกรธ ในตัวมนุษย์เราเอง นี่เอง
จะเห็นว่า ผลลัพธ์ต่างๆ ในทุกสิ่ง ที่มนุษย์เรากระทำ
จะยุติธรรม หรือไม่ ล้วนเกิดมาจาก ตัวมนุษย์เราเอง
จะเห็นว่า ผลลัพธ์ต่างๆ ในทุกสิ่ง ที่มนุษย์เรากระทำ
จะยุติธรรม หรือไม่ ล้วนเกิดมาจาก ความอยาก ความโกรธ ในตัวมนุษย์เราเอง นี่เอง
ลองพิจารณาต่อว่า หากว่า ตัวเราเกิด ความอยาก เกินพอดี จะส่งผล ให้เกิด อะไรขึ้นบ้าง
เป็นมูลเหตุ ให้เกิด ความอยาก เพื่อ เบียดเบียนผู้อื่น หรือไม่
เป็นมูลเหตุ ให้เกิด ความโลภ เื่พื่ิอ เพื่อเบียดเบียน เอาของผู้ื่ื่อื่น มาเป็นของตน หรือไม่
ลองพิจารณาต่อไปอีกว่า ในชีวิตประจำวัน เราเกิดสิ่งนี้ เป็นประจำ หรือไม่
ลองพิจารณาต่อไปอีกว่า ในชีวิตสังคม เกิดสิ่งนี้ เป็นประจำ หรือไม่
ลองพิจารณาต่อไปอีกว่า ในประเทศชาติ เกิดสิ่งนี้ เป็นประจำ หรือไม่
ลองพิจารณาต่อไปอีกว่า ระหว่างประเทศต่างๆ เกิดสิ่งนี้ เป็นประจำ หรือไม่
เป็นคำตอบที่ เราต้องพิจารณา และตอบตัวเอง ให้ได้ก่อน ในเบื้องถัดมา
อันดับสาม สามเหลี่ยม (สติปัญญา กล้าหาญ ซื่อตรง) และ (กาย วาจา ใจ)
จากที่เราได้ลอง พิจารณาแล้ว ในบทก่อน
ว่า ความอยาก และ ความโกรธนั้น มีพลังขอบเขต มากกว่า
ขอบเขตของ ศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม ทั่วไป
ลองพิจารณา จะเห็นว่า ศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรมนั้น
มีจุดมุ่งหมายให้ ทุกคนเป็นคนดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
แต่เมื่อใดก็ตาม ที่จิตใจ ของเรา เกิดความอยาก
ความเกิด แบบทันทีทันใด รุนแรง เอ่อล้น ไหลบ่า แบบน้ำป่าไหลหลาก
จะเกิดการไหลบ่าท่วมท้น กำแพงขอบเขต ของ ศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม เข้ามาได้
จะเห็นว่าถ้าเราต้องการ ความยุติธรรม ที่เท่าเทียม ที่ยั่งยืน แท้จริง
จะต้องไปมากกว่า ขอบเขตของ ศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม
หากว่าเรามีสามเหลี่ยม กาย วาจา ใจ ที่บริสุทธิ์ เข้มแข็ง ไม่เศร้าหมอง
จะเป็นพื้นฐาน ที่ดีสำหรับ เหนี่ยวนำ สามเหลี่ยม สติปัญญา กล้าหาญ ซื่อตรง ให้เข้มแข็ง หรือไม่
หากว่าเรามีสามเหลี่ยม สติปัญญา กล้าหาญ ซื่อตรง ที่บริสุทธิ์ เข้มแข็ง ไม่เศร้าหมอง
จะเป็นกำแพงที่แข็งแรง และสูงขึ้นไปอีก เพื่อรับมือกับ กระแสน้ำป่าไหลหลาก
แบบเฉียบพลันของ กระแสความอยาก และความโกรธ หรือไม่
หากเรา ปฎิบัติตนตาม สามเหลี่ยม กาย วาจา ใจ อย่างต่อเนื่อง
หากเรา ปฎิบัติตนตาม สติปัญญา กล้าหาญ ซื่อตรง อย่างต่อเนื่อง
จะส่งผลให้เรา มีภูมิคุ้มกัน ที่ดีกว่า หรือไม่
จะส่งผลให้เกิด ความยุติธรรม ในโลกแห่งความเป็นจริง มากกว่าหรือไม่
จะส่งผลให้เกิด สันติภาพ ในโลกแห่งความเป็นจริง มากกว่าหรือไม่
ชุดกุญแจ ที่เหมาะสม สำหรับแต่ละคนย่อมต่างกันไป
ตัวจิ๊กซอร์ ที่เหมาะสม สำหรับแต่ละคนย่อมต่างกันไป
เป็นสิ่งที่เราต้อง ใคร่ครวญ พิจารณา และหาคำตอบใ่ห้ตัวเราเอง
แสดงความคิดเห็นและดูทั้งหมด ๒๒ บทความ ได้ที่
http://www.tpa.or.th/writer/author_des.php?passTo=e7c730f5848300fc6f352f248796df86&authorID=63
และ
http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=cxoasia&group=1
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที