แรงจูงใจในการทำงาน (ตอนที่ 1)
เราศึกษาแรงจูงใจในการทำงานเพื่ออะไร
การศึกษาเรื่องแรงจูงใจนั้น เป็นการศึกษาที่มุ่งตอบคำถามว่าทำอย่างไร บุคคลในองค์กรจึงจะเกิดความอยากหรือเต็มใจที่จะทำงาน อันเป็นแนวความคิดที่ว่าหากบุคคลมีความตั้งใจและความเต็มใจสนใจที่จะทำงานใดงานหนึ่งแล้ว ผลที่บังเกิดกับงานก็มักจะออกมาในทางที่ตอบสนองต่อเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่วางไว้ การศึกษาเรื่องแรงจูงใจ (Motivation) จึงเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจทำการศึกษา และเป็นแนวความคิดที่สำคัญในการบริหารแนวความคิดหนึ่งในยุคสมัยหนึ่ง (วันชัย มีชาติ, 2548: 69) โดยเป็นการศึกษาที่เกี่ยวกับสภาพจิตใจของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่โต้แย้งกับการศึกษาที่เน้นกระบวนการหรือวิธีการทำงานและการจัดการแบบวิทยาศาสตร์ (Scientific Management) ที่ไม่ได้มองในแง่มุมความเป็นมนุษย์มากเท่าใดนัก ทั้งนี้ ในแวดวงวิชาการ อาจกล่าวได้ว่าแนวความคิดและทฤษฎีที่นักคิดนักวิชาการได้เสนอไว้เพื่อเป็นกรอบของการศึกษาหรือการพิจารณาแรงจูงใจของมนุษย์นั้นมีมากมายหลายทฤษฎี ซึ่งสรุปโดยรวมแล้วสามารถแยกกลุ่มแนวความคิดหรือทฤษฎีออกได้เป็นสองกลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มทฤษฎีว่าด้วยเนื้อหา (Content Theories) และกลุ่มทฤษฎีว่าด้วยกระบวนการ (Process Theories) ซึ่งทฤษฎีว่าด้วยเนื้อหานั้นเน้นความต้องการภายใน (Internal Needs) ว่าเป็นตัวกระตุ้นและเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมนั้นคงอยู่ ทฤษฎีกระบวนการว่าด้วยขบวนการของความคิดและกลวิธีต่าง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้มนุษย์เลือกพฤติกรรมเฉพาะอย่างขึ้น อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีต่างๆ เหล่านี้ ไม่มีทฤษฎีใดได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยทุกทฤษฎีต่างมีความคล้ายกันและมีความเกี่ยวข้องซึ่งกันและกันทฤษฎีที่รู้จักกันแพร่หลาย
ความหมายของแรงจูงใจในการทำงาน
แรงจูงใจ (Motivation) มีรากศัพท์มาจากภาษาลาตินว่า movere ซึ่งแปลว่า เงื่อนไขหรือสภาวะที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรม 3 ทิศทาง ประกอบด้วยการทำให้เกิดพฤติกรรม การยับยั้งพฤติกรรมและการกำหนดแนวทางการแสดงออกซึ่งพฤติกรรม (จุฑารัตน์ เอื้ออำนวย, 2549: 128)
ในทางจิตวิทยาทั่วไป แรงจูงใจ (Motivation) หมายถึง การที่บุคคลเต็มใจที่จะใช้พลังเพื่อให้ประสบความสำเร็จในเป้าประสงค์ (goal) หรือรางวัล (reward) การจูงใจเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการทำงานร่วมกัน เพราะเป็นสิ่งที่ช่วยให้บุคคลไปถึงซึ่งเป้าประสงค์ที่ต้องการจะได้รับ กล่าวคือ การจูงใจเป็นวิธีการที่จะกระตุ้นให้ผู้ร่วมงานมีกำลังใจในการทำงาน เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์การ (Dale S. Beach, 1957) หรือเป็น ความต้องการ (Need) หรือความกดดันที่กระตุ้นให้บุคคลปฏิบัติ (Kotler, 2002 : 195) พลังที่มีอยู่ในตัวบุคคลซึ่งพร้อมที่จะกระตุ้นหรือชี้ทางให้คนเราแสดงพฤติกรรมอย่างหนึ่งอย่างใดออกมา เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสิ่งที่ต้องการ โดยเป็นสภาวะภายในของบุคคลได้รับการกระตุ้น (Moven and Minor, 1998) หรือพลังของสิ่งกระตุ้น (Driving force) ที่อยู่ภายในตัวบุคคล ซึ่งผลักดันให้บุคคลปฏิบัติ (Schiffman and Kanuk, 1997 : 83) หรือแสดงพฤติกรรมออกมาโดยมีทิศทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่มุ่งหวัง (goal-directed behavior) โดยแรงจูงใจเอง เป็นความเต็มใจที่จะทุ่มเทความพยายามในการบรรลุเป้าหมายขององค์การ ซึ่งการจูงใจนี้จะทำให้เกิดผลงานขององค์การสูงขึ้น (Gardon, 1990: 423) แรงจูงใจเป็นสิ่งกระตุ้น หรือความรู้สึกอันเป็นสาเหตุที่ทำให้บุคคลมีการกระทำ หรือมีพฤติกรรมในรูปแบบที่แน่นอน โดยทำให้บุคคลได้รู้ถึงความต้องการของเราเอง และเป็นการให้เหตุผลสำหรับการกระทำหนึ่งที่กระทำไป (ศุภร เสรีรัตน์, 2540: 19-20)
แรงจูงใจนั้น จึงมีความหมายเป็นสองนัยคือเป็นกิจกรรมที่ผู้บริหารจะต้องกระทำ และเป็นการทุ่มเทความพยายามในการทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์การหรือทำงานให้สำเร็จ (Dubrin, 1984: 105)
จากความหมายเช่นนี้ แรงจูงใจในการทำงานจึงหมายความได้ว่าเป็นสภาวะของความเต็มใจในการทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายขององค์การ โดยที่สามารถตอบสนองความพึงพอใจของผู้ปฏิบัติงานได้ด้วย การสร้างแรงจูงใจนี้ เป็นหน้าที่ประการหนึ่งของผู้บริหาร และผู้ที่ถูกจูงใจนั้น จะต้องมีความสามารถในการปฏิบัติงานหรือหน้าที่ดังกล่าวได้ด้วย แรงจูงใจในการทำงานของสมาชิกในองค์การ กล่าวได้อย่างสังเขปว่าเป็น อิทธิพลภายในของบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องกับระดับการกำหนดทิศทาง และการใช้ความพยายามในการทำงานอย่างต่อเนื่อง หรือกระบวนการที่ผลักดันกระตุ้นให้บุคคลมีความปรารถนาที่จะทำพฤติกรรม หรืองดการกระทำพฤติกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง (Vroom, 1964: 66 ; Porter and Lawler, 1968 : 33)
สรุปความจากกล่าวมาได้ว่า แรงจูงใจเป็นแรงขับทางจิตวิทยาที่ส่งผลให้บุคคลแสดงพฤติกรรมหรือกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างออกมา สำหรับองค์การนั้น จะสามารถสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้กับบุคลากรได้หลากหลายวิธีการเช่น การยกย่องชมเชย การยอมรับนับถือ การเลื่อนขั้นตำแหน่ง การเพิ่มเงินเดือน หรืออาจจะใช้การจูงใจในรูปแบบทางลบ ได้แก่ การลงโทษ การว่ากล่าวตักเตือน เพื่อให้บุคลากรหลีกเลี่ยงการกระทำอย่างใดอย่างหนึ่งออกมา แรงจูงใจนี้มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับการกล่อมเกลาทางสังคมที่บุคลากรได้รับทั้งจากประสบการณ์เดิม จากองค์การและจากสภาพแวดล้อมภายนอกองค์การ โดยที่กล่าวนัยนี้ สะท้อนให้เห็นว่า แรงจูงใจเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและดำเนินไปตามอิทธิพลขององค์การและโครงสร้างทางสังคมนั่นเอง
ความสำคัญของแรงจูงใจ
ในทัศนะของนักวิชาการ สามารถแยกเป็นประเด็นสำคัญได้ 3 ประการ คือ
ประการแรก ความสำคัญต่อองค์การ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการบริหารงานบุคลากรคือ ช่วยให้องค์การได้คนดีมีความสามารถมาร่วมทำงานด้วย และรักษาคนดีๆ เหล่านั้นให้อยู่ในองค์การต่อไปนาน ๆ
ประการที่สอง ความสำคัญต่อผู้บริหาร ช่วยให้การมอบอำนาจหน้าที่ของผู้บริหารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถขจัดปัญหาความขัดแย้งในการบริหารงาน การจูงใจจะช่วยให้อำนาจหน้าที่ของผู้บริหารเป็นที่ยอมรับของผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งเอื้ออำนวยต่อการสั่งการ และ
ประการที่สาม ความสำคัญต่อบุคลากร คือสนองต่อความต้องการของบุคลากร และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทำให้พนักงานมีขวัญและกำลังใจไม่เบื่อหน่ายงานและทุ่มเทกับการทำงานเต็มที่ ทำให้องค์การประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์
ในการศึกษาวิจัยทางรัฐประศาสนศาสตร์หรือการวิจัยทางสังคมศาสตร์นั้น แรงจูงใจเป็นการศึกษาที่เน้นในเรื่องแรงจูงใจทางสังคม (Social Motive) ซึ่งนักจิตวิทยาสังคมอธิบายว่า แรงจูงใจทางสังคมนั้น เป็นทั้งแรงจูงใจ (Motive) ความต้องการ (Needs) แรงขับ (Drive) ความอยากได้ (Want) ความปรารถนา (Wish) แรงผลัก (Impulse) หรือแรงกระตุ้น (Urge) โดยเป็นแรงจูงใจที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่สิ่งแวดล้อมหรือสังคมเป็นตัวผลักดันให้เกิดขึ้นในลักษณะของการเพิ่มพลัง (activating) ให้มุ่งไปสู่ทิศทางใดทิศทางหนึ่งหรือเป้าหมายใดเป้าหมายหนึ่ง อันเกิดจากการเรียนรู้ทางสังคม การติดต่อสัมพันธ์ของบุคคลในสถานการณ์ต่าง ๆ ซึ่งแรงจูงใจทางสังคมนี้มีความสลับซับซ้อนมาก เช่น ความต้องการมีชื่อเสียง ความต้องการการยอมรับนับถือ เป็นต้น ในงานเรียบเรียงนี้ จะได้เน้นกล่าวถึงแรงจูงใจทางสังคมเป็นด้านหลัก
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที