ปีที่ 2 ฉบับที่ 6
13 กุมภาพันธ์ 2552
วันแห่งนักบุญวาเลนไทน์ หรือวันแห่งความรัก ได้กลายเป็นวันที่คนหนุ่มสาวทั่วโลกใช้สื่อหรือแสดงความรักให้แก่กัน วัยรุ่นหนุ่มสาวไทยรับเอากระแสนิยมนี้อย่างรวดเร็วเข้ามาใช้ด้วยความไม่ขัดเขิน จนทำให้ดอกกุหลาบที่ใช้เป็นสื่อส่งความหมาย ขายดีและมีราคาแพงกว่าวันปกติ ทั้งการ์ดสวยเก๋ และ ช๊อกโกเล็ต ก็เป็นที่นิยมของชายหนุ่มเหมือนกันในการใช้บอกรักแทนคำพูด
วาเลนไทน์ เป็นชื่อของพระใจดีชาวโรมัน ที่ปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าอยู่ที่กรุงโรมในสมัยจักรพรรดิโรมันชื่อ Claudius II เนื่องจากจักรพรรดิองค์นี้ใจโหดโปรดปรานการทำสงครามขยายอำนาจจึงเกณฑ์ชายหนุ่มไปเป็นทหาร ทำให้บรรดาชายฉกรรจ์ที่ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารส่วนใหญ่ต่างไม่พอใจและไม่เต็มใจที่ต้องเดินทัพจากบ้านไปรบในแดนไกลเป็นเวลาแรมปีทำให้ต้องจากลูกและภรรยาด้วยความเป็นห่วง จักรพรรดิ คลอดิอุส แก้ไขปัญหาที่ทหารไม่เต็มใจออกไปรบต่างแดนด้วยการออกกฎหมายห้ามชายหนุ่มแต่งงาน เพราะเข้าใจว่าถ้าผู้ชายไม่มีครอบครัวก็ไม่มีภาระความห่วงใยและจะไม่มีปัญหาในการออกไปทำศึกแดนไกลอีกต่อไป วิธีแก้ไขปัญหาแบบพิสดารของจักรพรรดิองค์นี้ ได้ผลเหมือนกันเพราะมีชายหนุ่มจำนวนมากที่กลัวจนไม่กล้าแต่งงานทั้งๆที่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้ แต่ก็มีหนุ่มสาวที่นับถือศาสนาคริสต์ที่บูชาความรักได้แอบลักลอบแต่งงานกันโดยมีบาทหลวง วาเลนไทน์ เต็มใจทำหน้าที่เป็นผู้ประกอบพิธีแต่งงานให้เพราะมีความเชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้ประทานความรักให้แก่คนหนุ่มสาวและความรักเป็นสิ่งสวยงามที่พระเจ้าประทานให้มนุษย์ ในสมัยนั้นการให้ความช่วยเหลือแก่ชาวคริสต์มีความผิดร้ายแรง พระวาเลนไทน์ ถูกทหารจับได้ และถูกจองจำในคุกรอการประหารชีวิต แต่ปรากฏว่ามีคนหนุ่มสาวที่ชื่นชมการกระทำของพระวาเลนไทน์ ได้ให้กำลังใจพระวาเลนไทน์ด้วยการแอบส่งสารและดอกไม้ให้โดยวิธีการโยนเข้าไปในหน้าต่างคุก และในบรรดาคนหนุ่มสาวที่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายฝืนธรรมชาติของจักรพรรดิ ก็มีลูกสาวของผู้บัญชาการเรือนจำรวมอยู่ด้วย เธอได้แอบใช้ความเป็นลูกสาวขอผู้คุมเข้าไปเยี่ยมให้กำลังใจพระวาเลนไทน์หลายครั้ง และเมื่อถึงวันประหารชีวิตซึ่งตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ คริสต์ศักราช269 ก่อนถูกตัดศีรษะ พระวาเลนไทน์ได้ฝากสารข้อความสั้นๆถึงลูกสาวผู้บัญชาการเรือนจำว่า"Love from your Valentine"
ความตายของพระวาเลนไทน์ได้กลายเป็นตำนานแห่งความรักอันซาบซึ้งของคนหนุ่มสาวในกรุงโรมที่ชื่นชมในความรักและความเสียสละของพระวาเลนไทน์ที่ยอมเสียชีวิตเพื่อทำให้ความรักของคนหนุ่มสาวสมหวังและได้แต่งงานกัน จนต่อมาในปีคริสตศักราช 496 สันตะปาปา Pope Gelasius I ถึงได้ประกาศให้วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ทุกปีเป็นวันระลึกถึงนักบุญ Saint Valentine
Saint Augustine นักบุญอีกท่านหนึ่ง กล่าวว่า “Love is the beauty of the soul” ความรักคือความสวยงามของจิตวิญญาณ
Benjamin Disraeli อดีตนายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักรกล่าวว่า “We are all born for love. It is the principle of existence, and its only end.” เราทั้งหลายเกิดมาเพื่อความรัก ความรักคือหลักการและเป็นจุดหมายเดียวของการมีชีวิต
Mohandas Gandhi ผู้นำการต่อสู้เพื่อเอกราชของอินเดียกล่าวว่า “Where there is love there is life.” ที่ใดมีรักที่นั่นมีชีวิต
Kahlil Gibran นักปรัชญา นักเขียน เชื้อสายเลบานอนกล่าวว่า “Life without love is like a tree without blossoms or fruit.” ชีวิตที่ขาดความรักเป็นเหมือนต้นไม้ที่ขาดดอกที่ผลิบานหรือไม่มีผล
14 กุมภาพันธ์ 2552 ขอให้คนไทยยุติความเกลียดชังต่อกัน แม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่ขอให้ไม่แยกฝ่ายแยกสี ไม่ทำร้ายทำลายกัน ขอให้คนไทยทุกคนมีความรักให้แก่กัน ขอให้ท่านหยุดคิดและตั้งสติ ฟังเสียงมโนธรรมที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจอันดีงามของท่าน แล้วท่านจะได้ยินเสียงแห่งความรัก ความเมตตา ความเอื้ออาทร ความโอบอ้อมอารีที่เป็นคุณธรรมแท้ของคนไทย
บทความแสดงทรรศนะอิสระของผู้เขียน ใช้แหล่งข้อมูลสาธารณะ ไม่มีเจตนาชักชวนให้ผู้อ่านเชื่อ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน หรือส่งบทความต่อ หากมีความประสงค์จะเลิกรับบทความ กรุณาแจ้งให้ทราบ ขอบคุณที่อ่านและเผยแพร่ต่อ ด้วยความปรารถนาดี... สมชัย ศิริสุจินต์ sirisujin@yahoo.com
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที
