ณ วันนี้ ตั้งแต่รากหญ้า จนถึงชนชั้นปกครอง ได้สัมผัสชัดด้วยประสาททั้งหมดของตนเองแล้ว ว่าทุกความสัมพันธ์ภายในราชอาณาจักรไทยของเรานี้ อยู่ในสภาวะที่ไม่ปกติสุข ทั้งการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ
ปัญหาอยู่ที่ใด ทางออกจะเป็นอย่างไร จึงเป็นหน้าที่ของเราทุกคนที่จะหาคำตอบและทางออกนั้น ต้องเป็นทางออกที่ก่อให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด
การเมือง เกิดเป็นข่าวถึงการแตกแยกทางความคิด ที่ชัดที่สุดก็ระหว่างกลุ่มเสื้อเหลืองกับกลุ่มเสื้อแดง จนน่าเป็นห่วงที่อาจจะรุกรามบายปลายไปเป็นความไม่ไว้วางใจของชนชั้นนำในเมือง กับรากหญ้าชนบท โดยยกอดีตนายกรัฐมนตรี พันตำรวจโท ดร.ทักษิณ ชินวัตร ขั้นมาเป็นทั้งผู้กระทำ และตัวแปร
สังคม เกิดความปั่นป่วนในการดำรงชีพ ที่ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมีน้อยลงไปทุกวัน อบายมุขแทรกซึมไปเกือบทุกซอกหลืบของสังคมที่ธรรมะอ่อนแอ ด้วยวัดและพระสงฆ์ไม่ได้ทำหน้าที่ เกิดอลัสชี พระตุ๊ดเณรแต๋ว เพิ่มมากขึ้น บ้านครอบครัวไร้ทิศทางอบรมบุตรธิดา พาหมกมุ่นแต่ความฟุ่มเฟือย จะสั่งสอนใช้งานบุตรหลาน ก็นำห้างร้านสะดวกซื้อมาเป็นรางวัลที่จะพาไป สถานศึกษาผลิตนักศึกษาบัณฑิตที่ไม่มีคุณภาพ ด้วยหวังเพียงปริมาณ ทำนอง จ่ายเงินครบ เรียนจบแน่นอน
เศรษฐกิจ เกิดการตกงาน ว่างงานเพิ่มขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่หาได้ไม่พอจ่าย การบริโภคอุปโภคตั้งอยู่บนพื้นฐานของเงินตราเป็นสิ่งสูงสุด ยึดเงินเป็นสรณะ นิยมในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนของบรรพบุรุษ หลงไหลได้ปลื้มกับทุนนิยมต่างชาติ ลืมภาคการเกษตรที่เป็นรากเง้า ต้นทุนชีวิตที่มหาศาลของตน เมื่อต่างชาติกระทบเราก็กระเทือนเป็นดังเงาติดตามเขาไป แทบจะเอาตัวไม่รอด
ความวุ่นวายสับสนที่บังเกิดขึ้นแล้วต่อพลเมืองไทยในปริมาณวงกว้าง แม้ผู้ใดยังอยู่ดีมีสุข ก็ไม่ต่างกับไข่ต้มสุกใหม่ในน้ำคลำ เราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร สิ่งแรกต้องหาตนตอของปัญหา ดังพระพุทธองค์ทรงสอนทำนองว่า สิ่งใดเกิดแต่เหตุ สิ่งนั้นย่อมดับไปเพราะเหตุได้ดับไป
สังคมเราหากมีเป้าหมายและการจัดการส่งเสริมจากภาคการเมืองอย่างจริงจัง เราจะไม่มีปัญหาหนักเลย เพราะบ้านเราเมืองเราเป็นบ้านพุทธเมืองพุทธ ที่อยู่ร่วมกันได้ทุกศาสนา เรามีปราชญ์ผู้ชี้ทางสว่างมากมายในแผ่นดินนี้
เศรษฐกิจ เราเป็นเมืองเกษตร ต้นทุนชีวิตของคนไทยคือการทำนาทำไร่เลี้ยงสัตว์ เราเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ จึงได้นามว่าแหลมทอง หากมีผู้มีความรู้ความสามารถและความกล้าจริงใจ มาร่วมมือกันฟื้นฟู มั่นใจได้ว่าไม่นานประเทศไทยเราจะกลับมาอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลาในนามีข้าวเช่นอดีตกาล
ดังนั้นปัญหาจึงไม่ได้อยู่ที่สังคมและเศรษฐกิจ หากอยู่ที่การเมือง และนักการเมือง...!!!
การเมือง เป็นตัวกระทำให้สังคม เศรษฐกิจไทยติดลบลงไปเรื่อยๆ ด้วยตัวของกลุ่มการเมือง มิได้เริ่มจากอุดมการณ์ แล้วมารวมกลุ่มจัดตั้งพรรค เพื่อเป็นช่องทางเข้าไปใช้อำนาจรัฐ โดยมีเป้าหมายเพื่อกระจายทรัพยากรให้เกิดความสุขกายสุขใจแก่ประชาชน หากเดินสวนทาง นักการเมืองทำทุกสิ่งเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ
เมื่อเริ่มที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ แม้ผิดกฎหมายธรรมชาติ กฎหมายบ้านเมือง นั้นเป็นการก้าวเข้าสู่ความอาฆาตรมาตรร้าย ความโกรธ เป็นสนิมเกาะกุมจิตใจ ผู้ชนะก็ล้างแค้น ล้างบาง ผู้แพ้ก็ต่อต้านไม่จบสิ้น จึงยากจะก้าวถอยมาหาหนทางแห่งแสงสว่างของปัญญา เพื่อบริหารบ้านเมืองให้รุ่งโรจน์
สิ่งที่จะนำมาซึ่งความสุขกายใจของไทยทั้งชาติ การเมืองต้องให้อภัยกันทั้งฝั่งรัฐบาลและฝ้ายค้าน เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
การออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับนักการเมืองทั้งหมดที่ถูกตัดสิทธิ์ คือการให้อภัยหรือการระงับเวรซึ่งกันและกัน ที่ถือเป็นคุณธรรมอันสูงส่ง เป็นสง่าราศรี เป็นประวัติศาสตร์จากรึกไว้ชั่วลูกชั่วหลานว่า ผู้ที่ทำให้เกิดการนิรโทษกรรมได้คือผู้กล้า ผู้แก้วิกฤติการเมืองไทยอย่างแท้จริง
บัดนั้นประเทศไทยเราจะได้คนดี มีความรู้กลับมาร่วมพัฒนาชาติอีกครั้งหนึ่ง ผู้ที่ยังไม่ได้เข้ามาทำกิจกรรมทางการเมือง แต่มีความสามารถระดับนานาชาติ ก็จะเกิดความกล้าความมั่นใจที่จะเผยตัวตนเพื่อชาติมากขึ้น
เราคนไทยอย่าทะเลาะกันให้ศัตรูเห็น อย่าสร้างกฎกติกาพิเศษฆ่ากันเองให้ศัตรูเยาะเย้ย มิฉะนั้นแล้วพวกเขาแทบไม่ต้องออกแรงอะไรเลยที่จะแยกและยึดครองขวานทองเล่มนี้
กฎหมายนิรโทษกรรมคือจุดเปลี่ยนประเทศไทย...!!! ผมคิดเช่นนี้...!!!
/////////////////////////////
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที