ธรรมชาติคือแท่นชารท์กำลังที่ไม่มีวันหมด
นับแต่วันที่เราตัดสินใจในการเดินทางเพื่อที่จะเดินทางเพื่อท่องเที่ยวเพื่อจะได้กับมาสู้กับปัญหาต่างๆนานานั้น ถ่านแบตเตอรี่เราได้เริ่มจุดสตารท์แล้ว แต่ทุกคนยังไม่รู้มันเป็นเพียงการรอคอย แต่ที่จริงแล้วเรากำลังเริ่มเติมพลังของเราแล้ว เพราะว่าเราก็จะเฝ้ารอวันรอคืนที่จะเดินทางโดยไม่เหน็ดเหนื่อย แต่การรอคอยนั้นเต็มไปด้วยความสุข
บรรยากาศ เหนื้อหุบเขา บนทางขึ้นภูชี้ฟ้า ในยุคนี้สมัยนี้พวกเราห่างไกลจากธรรมชาติ หรือพูดได้ว่าพวกเราติดอยู่กับเทคโนโลยี่และสีสรรของเมืองที่ศิวิไลย์กันมากเสียกว่า พอมีวันหยุดแทนที่เราจะเข้าหาธรรมชาติ เราก็กลับไปสู่วังวนของความบันเทิงกันเสียมาก
แต่ในปัจจุบันการท่องเที่ยวได้เป็นไปในเชิงอนุรักษ์ ก็คงจะเป็นเพราะคำว่าโลกร้อนละมั้ง การดำเนินชีวิตของคนเราจึงได้เปลี่ยนไปตามกระแส อย่างไรก็ตามธรรมชาติมันก็ยังคงเป็นธรรมชาติ มันมีกลไกที่เราก็ไม่สามารถจะล่วงรู้ล่างหน้าแต่เมื่อเราไปพบกับมัน มันจะตรึงตราตรึงใจเรา ทำให้จิตใจ ร่างกาย แม้แต่สมองที่กำลังทุกข์ ผ่อนคลาย นี่ละมั้งที่เราว่าธรรมชาติเปรียบเสมือน "
แท่นชารท์พลังงานที่ไม่มีวันหมด"
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที