ขาประจำ

ผู้เขียน : ขาประจำ

อัพเดท: 09 ธ.ค. 2008 09.19 น. บทความนี้มีผู้ชม: 21156 ครั้ง

ในอุตสาหกรรมอาหาร เชื้อจุลินทรีย์ชนิดนี้ เป็นเชื้อ top hit ที่ต้องมีการตรวจสอบเป็นประจำ จึงคิดว่าข้อมูลนี้น่าจะเป็นประโยชน์ให้กับผู้ที่สนใจบ้างไม่มากก็น้อยครับ


Characteristic of S.aureus

สมบัติของแบคทีเรียชนิดนี้คือรูปกลม แกรมบวก ไม่สร้างสปอร์ มักอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม (clusters cocci) อาศัยในสภาพที่มีออกซิเจนหรือไม่มีออกซิเจนก็ได้ หรือ facultative anaerobe เคลื่อนที่ไม่ได้ สมบัติที่สำคัญคือ ผลิตเอนไซม์ coagulase ให้ผลปฏิกิริยาลบกับการทดสอบออกซิเดส และให้ผลบวกกับปฏิกิริยาการทดสอบแดทาเลส

                แบคทีเรียชนิดนี้เป็นสาเหตุของโรคระบาดที่เรียกว่า Staphylococcal food poisoning แหล่งมาจากคนที่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจ คนที่มีบาดแผลเป็นหนอง และมีโอกาสสัมผัสกับอาหาร

                อาการคือผุ้ป่วยมรอาการคลื่นไส้และอาเจียนภายใน 2-6 ชั่วโมง หรือ 6-24 ชั่วโมง ท้องเดินอ่อนเพลีย อาการจะดีขึ้นภายใน 1-2 วัน เชื้อโรคนี้ไม่ทำให้คนเสียชีวิต

                อาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดโรค Staphylococcal food poisoning ได้แก่ อาหารโปรตีน หรือมีโปรตีนเป็นองค์ประกอบ เนื้อสัตว์ดิบ เช่น ไก่ดิบ น้ำนมจากแม่วัวที่เป็นเต้านมอักเสบ (Mastitis) หรือครีมที่ไม่ได้ผ่านการพาสเจอไรส์ นอกจากนั้นได้แก่อาหารที่มีโอกาสสัมผัสกับมือผู้ประกอบอาหาร และมักเป็นอาหารที่บริโภคโดย ไม่ผ่านความร้อนแก่ สลัดมันฝรั่ง สลัดมักกะโรนี ทูน่าสลัด รวมทั้งขนมอบบางชนิดที่มีไส้ครีม เอแคลร์ คัสตาร์ด ไส้ของโดนัทหรือพาย รวมทั้งพุดดิ้ง เป็นต้น อาหารผลิตภัณฑ์จากเนื้อได้แก่ แฮม คอร์ทบีฟ เบคอน ซาลามี่ ที่เก็บที่อุณหภูมิห้องหรืออุ่นแต่ไม่ร้อนมากนัก เช่นที่อุณหภูมิ 35-40 oC มักพบเป็นพาหะจากเชื้อโรคชนิดนี้

                เนื่องจากแบคทีเรียมีแหล่งกระจายทั่วไปแต่ในจมูกของคนที่มีสุขภาพแข็งแรงปกติก็พบว่ามี S. aureus  ปนเปื้อนถึง 60% นอกจากนั้นยังพบในลำคอ ผิวหนัง โดยเฉพาะมือ ผม บาดแผลทั้งในคนและสัตว์และในอุจจาระ

                การแก้ไขและป้องกันคือ ผู้ประกอบอาหารหรือคนสัมผัสอาหารต้องมีสุขภาพอนามัยที่ดี เนื่องจากเชื้อชนิดนี้เมื่อปนเปื้อนในอาหารและมีโอกาสเพิ่มจำนวนแล้ว สารพิษ (enterotoxin)ที่สร้างจากแบคทีเรียชนิดนี้หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Staphylokinase จะไม่ถูกทำลายที่อุณหภูมิหุงต้มปกติ หรือพาสเจอไรส์ ดังนั้นวิธีป้องกันที่สำคัญคือ ไม่ให้เชื้อแบคทีเรียชนิดนี้มีโอกาสปนเปื้อน เจริญและสร้างสารพิษในอาหารนั้น

บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที