ศีล ๕ และ ๕ ส. มาตรวัด คุณค่าคน คุณค่างาน
วิกูล โพธิ์นาง
๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๑
www.oknation.net/blog/wikulponang
เกิดมาเป็นคน ก็ได้แค่เกิดมาตามธรรมชาติ แต่จะให้สมบูรณ์ก็ต้องพัฒนาจิตใจ และการปฏิบัติ ควบคู่กันไปให้ไปสู่ความเป็นมนุษย์ หรือผู้ที่มีจิตใจสูงด้วยธรรม
การจะก้าวไปสู่ความเป็นผู้มีจิตใจสูงได้ ก็ต้องเริ่มจากจุดแรกที่เป็นพื้นฐานให้กับชีวิต เพื่อจะได้เดินไปสู่เป้าหมายนั้นได้อย่างมั่นคง นั่นก็คือ ศีล ๕
ศีล ๕ เป็นพื้นฐานของการดำรงอยู่ของบุคคลผู้เกิดมา หากไม่ยึดมั่นปฏิบัติ ก็จะมีแต่ความวุ่นวายสับสน ไม่สิ้นสุด ดังจะเห็นได้จาก การเมาสุรา สติสัมปัญญะก็ไม่มี บ้างก็ทะเลาะก่อคดี หรือผิดสามีภรรยา ถูกจับได้ก็โหกมดเท็จ ต่อมาก็หาช่องที่จะทำความชั่วอีก เมื่อไม่มีเงินทอง ก็ลักขโมย จนนำไปสู่การปล้นฆ่าในที่สุด เป็นความวุ่นวายทั้งกายและจิตใจ
จะกล่าวถึงการทำความดีที่สูงกว่าไม่ได้เลย เพราะไม่มีพื้นฐานของความเป็นคน ความเป็นคนไม่มั่นคงเข้มแข็ง โอกาสที่จะได้พัฒนาตนให้ก้าวไปสู่ความรุ่งโรจน์แห่งชีวิตนั้นยากเกินกว่าจะไขว่คว้า
หรือใครที่อาจได้ตำแหน่งใหญ่โตมาด้วยกลอุบายใด หากไม่อยู่ในศีล ๕ นี้ ก็จะไม่เป็นผู้ที่มีความองอาจ ไม่มีความกล้าหาญ อยู่ไปทำงานไปด้วยความสุขที่เล็กน้อย และก็จะดำรงตนอยู่ในตำแหน่งนั้นได้ไม่นาน ก็ต้องมีอันแพ้กรรมในที่สุด
ศีล ๕ เป็นพื้นฐานแห่งชีวิตฉันใด ๕ ส. ก็เป็นพื้นฐานแห่งการทำงานฉันนั้น เพราะใคร่ครวญดูแล้วก็สามารถเทียบเคียงกันได้อย่างลงตัว
เป้าหมายของการทำงานก็เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ได้ประสิทธิภาพประสิทธิผล การส่องมอบได้ทันกำหนด ประหยัดค่าใช้จ่าย ผลงานได้คุณภาพไม่ถูกต่อว่าหรือส่งกลับให้แก้ไข ทุกคนมีความสุขกายใจในการทำงานเสมอกัน ทั้งยังเอื้ออาทรต่อสังคม
หรืออีกนัยหนึ่งก็คือการเพิ่มผลผลิต เพิ่มผลผลิตชีวิต เพิ่มผลผลิตในงาน
เป้าหมายนี้จะเป็นจริงไม่ได้เลย หากละเลยการเรียนรู้ปฏิบัติอย่างจริงจังเกี่ยวกับกิจกรรม ๕ ส. เพราะเป็นพื้นฐานในการเพิ่มผลผลิต
และจะเป็นพนักงาน หัวหน้างาน หรือผู้บริหารที่สมบูรณ์ในที่ทำงานไม่ได้เช่นเดียวกัน เพราะหากจิตสำนึกไม่ให้ความสนใจเกี่ยวกับ ๕ ส. ก็ไม่มีหลักประกันอะไรที่จะมาบอกว่าเป็นผู้ที่เก่งงาน และจะสามารถพัฒนางานให้เจริญได้ อย่างยั่งยืน
ตัวอย่าง หากพนักงานไม่สนใจเก็บของที่เป็นของตัวเอง ปล่อยปละละเลยให้ลกสกปรก ไร้ระเบียบ นั่นก็เท่ากับว่างานที่ทำก็ไม่ต่างกันเพราะแม้แต่ของส่วนตัวก็ยังไม่มีจิตใจสำนึกที่จะทำ
ผู้คุมงาน หัวหน้างาน หรือผู้บริหาร หากไม่สนใจในเรื่องเกี่ยวกับกิจกรรม ๕ ส. หรือย่างน้อยในจุดที่นั่งทำงาน อาทิโต๊ะทำงาน ถ้าไม่สามารถสะสาง จัดทำให้สะดวก สะอาดเป็นระเบียบได้ ไม่ว่าจะที่ใต้ลิ้นชัก ในตู้เอกสาร สายไฟคอมพิวเตอร์ สายโทรศัพท์ แฟ้มเอกสาร
ก็คงจะได้ชื่อว่าผู้บริหารมืออาชีพได้ไม่ เพราะนับประสาอะไรกับอาณาบริเวณแค่ไม่กี่ตารางเมตรบริเวณโต๊ะนั่งของตนเอง ที่ทำงานงานอยู่ยังบริหารไม่ได้ แล้วจะไปบริหารจัดการคน เครื่องจักร วัตถุดิบ และวิธีการทำงาน ในพื้นที่ที่มากกว่า มีการเคลื่อนไหวมากกว่าได้อย่างไร
บ่อยครั้งที่มักจะได้ยินพนักงาน ผู้คุมงาน หัวหน้างาน หรือแม้แต่ผู้บริหารบางคนกล่าวว่า มาทำงาน ไม่ได้มาทำความสะอาดจัดเก็บ
ถูกต้องครับ มาทำงานไม่ได้มาจัดเก็บปัดกวาดเช็ดถู ถ้าสภาพแวดล้อม ปัจจัยการผลิต และตัวผู้ทำงานเองยังห่างเหินและมีทัศนคติที่เป็นลบต่อ ๕ ส. แล้วไซร้ ก็คงไม่ต่างกับการทำงานประเภท แต่งหน้าศพ
นั่นก็คือจะทำอย่างไร ด้วยเทคนิควิธีการ หรือกิจกรรมการบริหารแบบใดที่ถือว่าเป็นเลิศแล้ว หากไม่มี ๕ ส. เป็นพื้นฐานก่อน ก็ยากจะสำเร็จ หรือสำเร็จได้ก็แค่เพียงภายนอกที่หลอกตาเท่านั้น
เราจะทำงานประเภท แต่งหน้าศพ หรือทำงานแบบ แต่งหน้าคนเป็น เราเลือกได้ นั่นก็คือว่าจะยอมรับ และเรียนรู้ปฏิบัติในกิจกรรม ๕ ส. อย่างเต็มที่เต็มใจเมื่อไรนั่นเอง
//////////////////////////////////////
ภาพ : อินเทอร์เน็ต
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที