หลาย ๆ คนคงปฏิเสธไม่ได้ว่า "ภาษา" ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของคนไทยเป็นอย่างมาก ทั้งในชีวิตประจำวัน การศึกษา หรือการดำเนินธุรกิจ ในหลายปีที่ผ่านมา เมื่อโลกยิ่งเล็กลงมากเท่าใด การติดต่อสื่อสารกับคนทั่วโลกก็ยิ่งง่ายมากขึ้นเท่านั้น และสิ่งเดียวที่เราจะสามารถใช้ในการติดต่อสื่อสารกับคนทั่วโลกได้ก็คือ "ภาษา" ซึ่งหากจะสามารถสื่อสารบนโลกไร้พรมแดนเช่นนี้ได้ คงไม่ใช่อาศัยเพียงภาษาที่หนึ่ง (หรือภาษาแม่) เท่านั้น แต่จำเป็นจะต้องมีภาษาที่สอง สาม ... ตามมา ดังจะเห็นได้จากการให้ความสำคัญกับการเรียนภาษาต่างประเทศในสถาบันการศึกษาไทยที่มีเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่เคยเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองในสถาบันการศึกษาไทยแทบทุกแห่ง ก็ยังมีภาษาที่สามให้เลือกเรียนในชั้นเรียนที่สูงขึ้น และภาษาที่สามนี่เองที่มีการขยายตัวออกไปมาก นักเรียน-นักศึกษามีตัวเลือกสำหรับภาษาที่สามมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ฝรั่งเศส เยอรมัน จีน ญี่ปุ่น รัสเซีย เกาหลี ฯลฯ รวมถึงการเปิดหลักสูตรภาษาอังกฤษ หลักสูตรนานาชาติกันในบางโรงเรียนก็มี
การเลือกเรียนในหลักสูตรนานาชาติในเมืองไทยจึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ใครหลาย ๆ คนใฝ่ฝันจะไปเรียนในต่างประเทศแต่ไม่มีทุน แต่ต้องการพัฒนาภาษาของตัวเองอย่างเต็มตัว ที่ไม่ใช่แค่การเลือกเรียนเป็นภาษาที่สองหรือสาม แต่มีอะไรบ้างที่นักเรียน นักศึกษาจะต้องเตรียมความพร้อมก่อนก้าวไปสู่รูปแบบการเรียนแบบใหม่นี้
1. หลักสูตร
หลักสูตรการเรียนในแต่ละที่มีสไตล์ที่ไม่เหมือนกัน บางแห่งเป็นแบบอเมริกัน บางแห่งเป็นแบบอังกฤษ ฯลฯ แล้วแต่ทางสถาบันจะสรรหา บางสถาบันเป็นโรงเรียนนานาชาติจริง ๆ มีนักเรียน นักศึกษาต่างชาติร่วมชั้นเรียนด้วย แต่บางแห่งก็จัดตั้งเป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษเท่านั้น ซึ่งอาจรวมอยู่ในโรงเรียนไทยหรือแยกตัวออกมา และโดยส่วนมาก (99%) นักเรียน นักศึกษาในกลุ่มนี้จะเป็นคนไทย ดังนั้น ให้เลือกหลักสูตรที่ตรงกับความต้องการของตัวเอง เหมาะกับตัวเองให้มากที่สุด
2. ภาษา
หลักสูตรไม่ได้มีแค่ภาษาอังกฤษเท่านั้นที่จัดเป็นหลักสูตร บางสถาบันมีการจัดหลักสูตรที่แตกต่างออกไป เช่น อังกฤษ-ไทย อังกฤษ-จีน ฯลฯ ซึ่งหลัก ๆ แล้ว นักเรียน นักศึกษาจะได้เรียน และฝึกฝนทักษะทางภาษานั้น ๆ ไปในตัว บางแห่งอาจมีกฏเกณฑ์ให้นักเรียน นักศึกษาใช้ภาษาที่ได้เรียนมาในการสื่อสารในชีวิตประจำวันเมื่ออยู่ที่โรงเรียนด้วย ซึ่งทำให้มีโอกาสพัฒนาทักษะของตัวเองมากขึ้นไปอีก และคงไม่เป็นการบังคับขู่เข็ญมากนักหากตั้งใจจะพัฒนาจริง ๆ
3. สภาพแวดล้อม
สภาพแวดล้อมในสถาบัน โดยเฉพาะโรงเรียนนานาชาติที่มีคนจากหลายชาติ หลายภาษา หลากวัฒนธรรมมาอยู่ร่วมกัน แน่นอนว่าต้องเกิดความแตกต่างระหว่างบุคคล นอกเหนือจากสภาพการเรียนที่เปลี่ยนไปที่บุตรหลาน หรือตัวคุณเองต้องเผชิญแล้วนั้น สภาพแวดล้อมก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีผลต่อการใช้ชีวิตในโรงเรียนเช่นกัน
4. การเรียนการสอน
ขึ้นชื่อว่าเป็นหลักสูตรนานาชาติหรือหลักสูตรภาษาอังกฤษแล้วนั้น แน่นอนว่าการเรียนการสอนแทบทุกรายวิชาก็จะเป็นภาษาอังกฤษตามไปด้วย ครู-อาจารย์ก็เป็นชาวต่างชาติ หนังสือเรียนก็เป็นภาษาอังกฤษ การบ้าน-รายงานก็เป็นภาษาอังกฤษ ความพร้อมทางด้านภาษาจึงเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าเป็นหลักสูตรอนุบาลที่เริ่มกันตั้งแต่ ก.ไก่ ข.ไข่ ก็คงไม่ยากนัก แต่ถ้ามาเปลี่ยนแปลงเอาตอนโตในช่วงมัธยมหรือมหาวิทยาลัย ก็ควรหยุดพิจารณากันสักนิด ถ้ามีพื้นฐานทางภาษาดี หรือชอบอยู่แล้วคงไม่ยาก หากไม่มีพื้นฐานใด ๆ เลยก็ขอแค่ใจสู้อย่างเดียว ที่เหลือจะตามมาเอง
บางสถาบันอาจไม่จัดหลักสูตรแค่ให้ครู-อาจารย์มานั่งสอนกันเพียงอย่างเดียว แต่เปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษามีส่วนร่วมในการจัดการเรียนการสอนด้วย ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบของกิจกรรม งานกลุ่ม สัมมนา วิจัย เป็นต้น โดยให้นักเรียน นักศึกษาเป็นศูนย์กลางการเรียนหรือที่เรียกว่า Child Center นั่นเอง
5. เงินทุน
"เงินทุน" เป็นเรื่องใหญ่สำหรับใครหลาย ๆ คนที่กำลังจะลงทุนทำอะไรสักอย่าง แต่ให้คุณ ๆ ตรวจสอบให้ดี เพราะแต่ละหลักสูตร แต่ละสถาบันก็มีค่าเล่าเรียนถูก-แพงแตกต่างกันไป บางแห่งอาจมีทุนการศึกษาให้ด้วยก็สามารถสอบถามได้จากสถาบันนั้น ๆ พิจารณาปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นค่าเล่าเรียนตลอดหลักสูตร ค่าใช้จ่ายทางด้านกิจกรรม หนังสือเรียน อุปกรณ์ช่วยในการศึกษา ฯลฯ แล้วเลือกสิ่งที่คุ้มค่า และเหมาะกับตัวเอง
ที่เหลือก็เป็นแค่การเตรียมตัวเตรียมใจก้าวเข้าไปสู่รั้วสถาบันใหม่ เตรียมพร้อมกับการศึกษารูปแบบใหม่ที่รออยู่ข้างหน้า...
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที