สำหรับตอนนี้ก็เป็นตอนที่ 7 แล้ว ซึ่งการถ่ายทอดประสบการณ์ด้านการพัฒนาบุคลากรด้านระบบสมองกลฝังตัวก็มีเดินทางมาถึงครึ่งทางแล้ว สำหรับสมาชิกของโครงการ ESTATE รุ่นที่ 1 ท่านนี้มีความมุ่งมั่นอย่างสูงในการพัฒนาตนเองเพื่อให้สามารถร่วมเดินทางไปกับเพื่อน ๆ ได้พร้อมกัน เพื่อเข้าสู่สายงานทางด้าน Embedded Systems
ช่วงหนึ่งของชีวิตกับ ESTATE 1
สวัสดีครับ ผมชื่อนายสมศักดิ์ศรี วันฤกษ์ (จิมมี่) ครับ สำหรับความเป็นมาก่อนเข้าโครงการ ESTATE Project รุ่นที่ 1 นั้น ผมทำงานอยู่ที่บริษัท DTAC ครับ ทำเกี่ยวกับ Computer network และ Business consultant รวม ๆ เวลาก็ 10 ปีพอดี หลังจากนั้นได้ลาออกจาก DTAC มาทำงานอิสระอยู่ประมาณสามเดือน และก็มองหาช่องทางหลายทางที่จะไปทำงานต่างประเทศ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จสักทาง จนกลางเดือนเมษายนของปี 2549 ก็ได้มีโอกาสมางานเลี้ยงสังสรรค์เลี้ยงรุ่นกับเพื่อน ๆ ชาวอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยเทคนิคอุบลราชธานี ซึ่งในงานนั้นก็ได้พูดคุยกับ คุณธรรมศักดิ์ (กัง) ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นสมัยเรียนเทคนิคและมหาวิทยาลัย และในวันนั้นเพื่อนกังก็ได้แนะนำเกี่ยวกับโครงการ ESTATE ซึ่งบอกรายละเอียดคร่าว ๆ ว่าจะได้มีโอกาสไปฝึกงานเกี่ยวกับสมองกลฝังตัวที่ญี่ปุ่นฟรี 1 ปี หลังจากนั้นเพื่อนกังก็ได้ส่งรายละเอียดการสมัครมาให้ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นในการเข้าร่วมโครงการนี้ของผม ก็ต้องขอขอบคุณเพื่อนกังที่ได้เปิดโอกาสในครั้งนี้ให้กับผมด้วยครับ ส่วนบรรยากาศการสอบเข้าและการเรียนที่เมืองไทย 6 เดือนก่อนจะไปฝึกงานที่ญี่ปุ่นก็เหมือนกับเพื่อน ๆ ท่านอื่น ๆ ก่อนหน้าที่ได้เล่ารายละเอียดและบรรยากาศให้ฟังแล้วครับผม
งานที่ทางบริษัทจัดฝึกอบรมให้จะเกี่ยวข้องกับการทำ Embedded Software ที่ใช้ในรถยนต์เป็นหลักครับ เช่น CAN Controller, Coding ด้วยภาษา C และ C++, Testing, DSP, V-Model, UML, ET-Robot และก็จะมีโอกาสไปทัศนศึกษานอกสถานที่ตามโรงงานของโตโยต้าด้วยครับ
สิ่งสำคัญในการทำงานร่วมกับคนญี่ปุ่น
สำหรับมุมมองของผมเกี่ยวกับการทำงานร่วมกับคนญี่ปุ่นที่ผมได้มีโอกาสสัมผัส ผมมองว่าการทำงานของเค้าเป็นระบบดี ก่อนทำอะไรเค้าจะวางแผนการล่วงหน้าไว้ดีมาก และจะกำหนดกิจกรรมและเวลาได้อย่างลงตัว ซึ่งหลาย ๆ อย่างทำให้ผมรู้สึกประทับใจการทำงานอย่างเป็นระบบและเป็นทีมของเค้า การทำงานของเค้าจะมีการ update ความคืบหน้าเป็นระยะ ๆ เสมอ ทำให้ทราบว่างานของแต่ละส่วนงานถึงไหนและติดอะไร เค้าจะช่วยกันคิดช่วยกันแก้ไขปัญหาได้ดี เนื่องจากเค้ามีการประชุมกันบ่อย และอีกสิ่งหนึ่งที่เห็นว่าเค้าเก่ง คือ เรื่องการนำเสนอ ทุกคนจะทำไฟล์ present สวยงามน่าสนใจ (ดูหรู ไฮโซ) และดูการ present อย่างมืออาชีพเค้าทำกัน ดูแล้วเรื่องนี้เค้าก็นำเราเยอะเหมือนกัน ก็น่าเอาเป็นแบบอย่างดีครับ
เรื่องสำคัญสำหรับชาวญี่ปุ่นในการทำงานก็คือ เรื่องของเวลา เพราะทุกอย่างเร่งรีบและมีกำหนดเวลาตายตัว แต่สำหรับการทำงานจริงงานบางงานสามารถต่อรองเวลาได้ เช่น หากรู้ว่าจะส่งงานไม่ทันกำหนด สามารถเจรจาต่อรองได้ ว่าจะส่งได้เมื่อไหร่ และติดปัญหาเรื่องอะไร แต่ต้องมีเหตุผลที่ดีเพียงพอด้วย เค้าจะยอมรับหากการยืดเวลาแล้วจะทำให้งานของเค้าดีขึ้น ดีกว่ารีบทำแต่ผลงานไม่ได้เรื่อง งานของเค้า คือ คุณภาพต้องมาก่อน
คนญี่ปุ่นจะไม่ค่อยพูดตรงๆ จะพูดอ้อมๆ คือ ไม่บอกสิ่งที่ตัวเองต้องการจริง ๆ บางครั้งจะเลี่ยงเพราะเกรงใจคนฟัง (อาจจะเป็นเพราะประเพณีก็ได้)
เรื่อง การรายงานความคืบหน้างานก็สำคัญ และการที่มีเจ้านายอีกคนมาสั่งให้ทำงานก็ต้องรายงานให้ผู้ที่ดูแลงานในขณะนั้นได้ทราบและอนุญาตก่อน ถึงแม้ผู้ที่มาสั่งจะตำแหน่งใหญ่กว่า ไม่งั้นผู้ดูแลเค้าจะไม่พอใจ (ผมเจอมาแล้วครับ)
การทักทายเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญ เจอกันต้องทักทาย บางครั้งรู้สึกว่าคนของเค้าส่วนใหญ่ยังยิ้มและทักทายกันดีกว่าคนบ้านเราเสียอีก (เราสยามเมืองยิ้มน้อ)
เรื่องของความรู้ความเชี่ยวชาญในงาน อันนี้ก็ต้องยอมรับพี่ยุ่นเค้าอีกครับ ผมว่าเค้าก็ไม่เป็นสองรองใคร (สุดยอดจริงๆ) จุดหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นก็คือ เค้าจะขยันคิดและทำสิ่งประดิษฐ์แปลก ๆ ใหม่ ๆ เสมอ อุปกรณ์การทดลอง ของเล่น ศูนย์วิทยาศาสตร์มีทั่วเมือง (ไม่ใช่เฉพาะเมืองหลวงเหมือนไทย) ทุกอย่างเกี่ยวกับเทคโนโลยีอยู่ใกล้ตัวมาก หลาย ๆ ปัจจัยดังกล่าวส่งเสริมให้เค้ามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเค้ายังมีคนหรือบุคลากรประเภทหมกมุ่นอยู่กับการทำงานและการทดลองจำนวนมาก จึงเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนา และที่ผมเห็นอีกอย่าง คือ บรรดานักทดลองเหล่านี้มักจะพาลูก ๆ ตัวเล็กมาดูและชมงานด้านวิทยาศาสตร์เหล่านี้อยู่บ่อยๆ ทำให้เด็กมีโอกาสได้เห็น ได้เล่น ได้สัมผัสแล้วก็พอโตสักหน่อยก็มีโอกาสได้ทดลองเอง (อยากให้เมืองไทยมีจัง) อีกทั้งภาครัฐและเอกชนยังจัดให้มีกิจกรรมส่งเสริมต่างๆอีกด้วยเช่นการแข่งขัน และการจัดงานโชว์เทคโนโลยีต่างๆ
เรื่องเอกสารก็สำคัญมากเลย การทำอะไรต้องมีเอกสารกำกับหมด เค้าเก็บรายละเอียดสุดยอดครับ ทุกอย่างตรวจสอบได้
การทำงานที่เห็นของเค้า คือ จะใช้ระบบพี่สอนน้อง (สอนงานจริง และทำไปด้วยกัน) ทำให้ความรู้ตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น (บ้านเราหวงความรู้ ฮิ ๆ เก่งเดี่ยว ไม่เก่งทีม)
จริง ๆ ยังมีอีกเยอะครับ คงเล่าไม่หมด คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่เค้าดีครับ หลาย ๆ อย่าง เราน่าเลียนแบบ (แต่การทำงานมากจนไม่มีเวลาออกกำลังกาย หรือให้ครอบครัวก็แย่ครับ)
สภาพความเป็นอยู่
อาหารการกิน ที่พัก บรรยากาศ ความเป็นอยู่ โดยรวมดีมากครับ (ผมชอบ) ทุกอย่างเค้าจัดให้เราอย่างลงตัว กิน อยู่สบาย ไม่ต้องจ่ายเงิน (เค้ามีเงินให้ทุกเดือน สุดแสนจะสบาย) อากาศก็ดี บรรยากาศก็ดี คนดูแลก็ดี เพื่อนร่วมงานก็ดี ทุกอย่างโดยรวมโอเคหมด และผมได้มีโอกาสท่องเที่ยวมากมาย ไปในที่ที่อยากจะไป 1 ปีที่นี่สุดยอดมากครับ อยู่ที่ญี่ปุ่นก็ได้มีโอกาสทำกับข้าวเองเป็นครั้งแรก โดยมีกูรูผู้รอบรู้อย่างท่านปุ๋ยเป็นผู้แนะนำเพราะเค้าเชี่ยวชาญหลายอย่างครับ ทั้งภาษา ทั้งการทำอาหาร ทั้งการวางแผนการใช้เงิน ต้องยกให้เป็นอาจารย์ปู่
สำหรับผมแล้วการได้ประสบการณ์ชีวิตที่แปลกใหม่และการได้เรียนรู้เทคโนโลยีต่างแดนถือว่าสุดยอดมากครับ ก่อนไปผมเขียนโปรแกรมไม่ค่อยจะเป็นสักเท่าไหร่ แต่หลังจากจบจากโครงการนี้ ผมก็สามารถเขียนโปรแกรมต่าง ๆ ได้หลายโปรแกรมแล้วครับ
ได้เรียนรู้การทำงานสาย Software ครบวงจร ตั้งแต่ออกแบบจนจบงาน ถึงแม้จะไม่ได้ทำทุกส่วน แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นภาพรวมว่ามืออาชีพเค้าทำกันยังไง แต่ละขั้นตอนเค้าเน้นอะไรบ้าง เพื่อเราจะได้นำเทคนิคตรงนี้กลับมาพัฒนางานต่อไป
ผลพลอยได้ คือ ทำให้ผมได้รู้จักและมีเพื่อนชาวต่างชาติหลายคน ไม่ว่าจะเป็นชาวญี่ปุ่น จีน เวียดนามและฟิลิปปินส์
และความประทับใจของผมสำหรับที่นี่ คือ หลังจากแยกย้ายกันไปฝึกงานคนละที่ ผมมีโอกาสได้ไปเยี่ยมและเที่ยวกับเพื่อนทุกคนตามเมืองต่าง ๆ ที่พวกเราไปอยู่ ต้องขอบคุณเพื่อน ๆ ในโครงการทุกคนด้วย โดยเฉพาะเบิร์ด, กังและเต้ ซึ่งมีโอกาสได้เที่ยวด้วยกันบ่อยที่สุด
อยากใช้ความรู้ที่เล่าเรียนมาจากโครงการนี้ทำผลงานขึ้นมาทำเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อขายหรือเพื่อสอนรุ่นน้อง ๆ ต่อไปครับ (ขอเป็นส่วนหนึ่งในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ครับ)
หากมีผลงานแล้วขั้นต่อไป คือ อยากเขียนหนังสือครับ อยากทำหนังสือในแบบฉบับของตัวเองที่จะให้ความรู้ทางด้านเทคนิคและประสบการณ์ให้รุ่นน้องหรือบุคคลที่สนใจได้ศึกษาต่อไปครับ
สุดท้ายก็ต้องขอขอบพระคุณ ดร.วิวัฒน์ , ดร.อิทธิ , ดร.บัณฑิต, ผศ.อภิเนตร, พี่มดแดง , พี่หนึ่ง และเหล่าคณาจารย์ทั้งไทยและญี่ปุ่นทุกท่านที่ได้ให้โอกาส ได้ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ อีกทั้งยังดูแลผมและเพื่อนๆ ESTATE1 ด้วยดีตลอดมา
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที