1 ปีกับประสบการณ์ล้ำค่าด้าน Embedded Systems ในประเทศญี่ปุ่น
สำหรับฉบับนี้ เป็นฉบับที่ 13 ซึ่งจะเป็นสมาชิกท่านที่ 13 ที่อยู่ในโครงการ ESTATE 1 สำหรับบทความที่ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ล้ำค่าด้าน Embedded Systems ขอเชิญผู้อ่านทุกท่านร่วมติดตามไปพร้อม ๆ กัน
สวัสดี ท่านผู้อ่านทุกท่าน ผมชื่อ นายธรรมศักดิ์ สงวนสัจวาจา อายุ 34 ปี ได้เข้าร่วมโครงการ ESTATE 2006 ทุนสำหรับการไปรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลา 1 ปี โดยอบรมที่ประเทศไทย 6 เดือน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนไปฝึกงานจริง ๆ โดยจะขอนำเสนอประสบการณ์การไปฝึกงานที่ผ่านมา
ก่อนเข้าร่วมโครงการ ผมทำงานด้านพัฒนาระบบรายงานประสิทธิภาพเครื่องจักร เพื่อหาค่า OEE ของโรงงาน โดยใช้ระบบ Embedded Systems ที่ออกแบบขึ้นเก็บข้อมูลโดยอัตโนมัติ เพื่อเป็นตัวบ่งชี้ และเป็นเครื่องมือในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และลดต้นทุนการผลิต Kim Pai Ltd., Part. ( Printting & Packaging )
ช่วงหนึ่งของชีวิตกับ ESTATE 1
หลังจากผ่านการสอบคัดเลือก และสัมภาษณ์ ก็ได้เริ่มเรียนหลักสูตร 6 เดือน ในประเทศไทย ระหว่างที่เรียนอยู่ที่ประเทศไทยก็ต้องฝึกภาษาอย่างหนัก เพราะผมเริ่มจากศูนย์จริงๆ และภาษาอังกฤษก็ยังไม่สามารถสื่อสารได้ดี จึงเป็นเรื่องที่ผมหนักใจมาก ๆ ในส่วนความรู้ด้าน Embedded Systems ผมไม่ค่อยหนักใจ เนื่องจากผมมีพื้นฐานด้านอิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ และประสบการณ์ ต่าง ๆ ที่สะสมมาตั้งแต่เริ่มเรียนสายอาชีพ ปวช. ทำให้สามารถทำความเข้าใจในชั่วโมงได้ไม่ยาก ผิดกับภาษาญี่ปุ่นท่องศัพท์ไป พอจำบทนี้ได้แล้ว ขึ้นบทใหม่บทเก่าก็ลืมเสียหมด การสอบแต่ละครั้งผลสอบก็ได้คะแนนไม่ดี อยู่ระดับท้ายๆ ( สงสัยผมจะอายุมากแล้ว ) ส่วนด้าน Embedded คะแนนก็ยังเกะกลุ่มไปได้
ในที่สุดการสอบก็ผ่านไปได้ด้วยดี
วันสุดท้ายของการเรียนภาษา
ความรู้สึกส่วนตัวของผมแล้วก็ยังไม่น่าจะคุยได้ เพราะกลัวจะพูดผิดพูดถูกเลยกลายเป็นพูดไม่ออก พูดแบบติด ๆ ขัด ๆ ก่อนหน้านี้ก็ได้เดินเรื่อง VISA และการคัดเลือก Host Company ที่จะทำการฝึกงาน โดยใช้วิธีการให้ผู้ฝึกเลือก และจัดลำดับบริษัทที่สนใจ และทางบริษัทต้นสังกัด ก็ทำการเรียงลำดับผู้ฝึกงานที่สนใจจะรับเช่นกัน จากนั้นก็นำคะแนนที่ได้มาจัดคู่ Host Company ผลก็คือ ผมได้ฝึกงานได้ที่ NEC Corporation ซึ่งจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ญี่ปุ่น (50%) และรัฐบาลญี่ปุ่น (50%) การไปญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นครั้งที่สองของผม ครั้งแรกผมไปเกี่ยวกับงาน เพื่อไปศึกษาเทคโนโลยีต่าง ๆ และดูงาน Tokyo Pack ในครั้งนั้น ผมเองรู้สึกตื่นตากับเทคโนโลยีต่าง ๆ อย่างมาก หลังจากนั้นความตื่นเต้นก็ค่อย ๆ จางหายไป เพราะไม่สามารถหาเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ และข้อมูลเพื่อศึกษาหาความรู้ต่อไปได้ ครั้งนี้ผมจึงตั้งความหวัง กับโครงการอย่างมาก
วันที่ 22 มกราคม 2550 เดินทางสู่ประเทศญี่ปุ่น ณ
การเรียนการสอน เริ่มต้นด้วยการทดสอบ เพื่อแบ่งระดับความสามารถในการใช้ภาษาญี่ปุ่น โดยที่พวกผมก็ไม่ได้รู้ตัวมาก่อน ผมเองหลังจากจบหลักสูตรที่ไทย ก็ไม่ได้ทบทวนไวยกรณ์ และท่องศัพท์เลย คะแนนการฟังจึงออกมาไม่ดี แต่โชคดีที่อาจารย์เขายอมให้ไปเรียนในห้องที่เรียน Kiso2 และหนังสือระดับกลาง Chuukyuu (中級)อีก 3 บท, หนังสือ Kiso พื้นฐานมีสองเล่ม เนื้อหาเหมือนที่ ส.ส.ท. Kiso1 จะเป็นเนื้อหาของ Minano1 และ Minano2 Kiso2 จะเป็นเนื้อหาของ Minano3 และ Minano4 ในแต่ละสัปดาห์จะมีกิจกรรมต่างๆ ออกไปนอกศูนย์ฝึกอบรมฯ เพื่อให้ผู้ฝึกงานสามารถปรับตัวกับการดำรงชีพได้ และสามารถใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ด้วยตัวเองได้ การฝึกอบรมการหนีภัยก็มีอยู่ในหลักสูตรด้วย โดยไปทำการฝึกอบรมฯ ของจังหวัด Nara สำหรับเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ภัยพิบัติทั้งที่เกิดจากธรรมชาติ และเกิดขึ้นเองโดยมิได้คาดหมายได้ เช่น พายุ ไฟไหม้ หรือแผ่นดินไหว (16/07/2550 ได้เจอของจริง M 6.6 นาน 5 วินาที) สำหรับช่วงท้ายของหลักสูตร ได้มีการพาชมโรงงานผลิตรถยนต์ Toyota, เมือง Hiroshima (広島) และโรงงานผลิตเบียร์ Asahi ตลอดการเดินทางจะต้องมีการเปลี่ยนรถ มีการสอนการซื้อตั๋ว ดูตารางรถไฟ และคำศัพท์ต่างๆ
วันที่ 5 มีนาคม 2550 เป็นวันเริ่มต้นของการฝึกงานกับ Japanese Host Company เจ้าหน้าที่จาก NEC คุณ Muneaki Morozumi (NEC Telenetworx Ltd.) เป็นผู้รับตัวพาไปศูนย์ฝึกอบรมโตเกียว (Tokyo Kenshu Center - TKC) ด้วยรถไฟ Shinkansen (新幹線) รถไฟที่มีชื่อเสียงเรื่องตรงเวลามาก และไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ ระหว่างทางเห็นภูเขาไฟ Fujisan(富士山) เป็นครั้งแรก เป็นภูเขาที่มีรูปทรงสวยมาก ๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งก็ถึง Tokyo ลงที่สถานี Kitasenju(北千住駅)เป็นสถานี JR ที่ใกล้ศูนย์ฝึกอบรม TKC ที่สุด ( เดินประมาณ 15 นาที ถ้าวิ่ง 5 นาที คนญี่ปุ่นนิยมวัดระยะทางเป็นเวลาที่ใช้ในการเดิน) คุณ Morozumi ได้พาไปทำบัตรคนต่างด้าวก่อน ประมาณบ่ายสามโมงก็ถึงศูนย์ฝึกอบรม TKC สำหรับศูนย์ฯ นี้มีผู้ฝึกงานจากประเทศต่าง ๆ พักอยู่ร่วมกัน กลุ่ม ESTATE 2006 พักอยู่ที่นี่ทั้งหมด 4 คน คือ คุณสถาพร(ฝึกงานที่ Profix), คุณจักรกฤษณ์ (ฝึกงานที่ Nec) คุณเบญจา (ฝึกงานที่ Ryoyo) และผม หลังจากนั้นก็แนะนำถึงข้อห้ามต่าง ๆ ของ VISA และการเดินทางไปทำงาน พร้อมรับเบี้ยเลี้ยง และอธิบายรายละเอียดของการฝึกงาน วิธีการเบิกค่าใช้จ่าย และเอกสารต่างๆ ในวันรุ่งขึ้นคุณ Morozumi พาไปยังสถานที่ฝึกงาน และสอนวิธีเปลี่ยนรถจาก Kitasenju(北千住駅)ไป Tamachi (田町駅) ใช้เวลาประมาณ 50 นาที ต้องเปลี่ยนรถไฟอีกหนึ่งครั้งที่ Nippori (日暮里駅), บัตร Suica ของ JR แบบรายเดือน ขึ้นลงกี่ครั้งก็ได้โดยมีข้อกำหนดว่าต้องอยู่ในเส้นทาง JR ระหว่าง Kitasenju Tamachi ระหว่างทางผ่านแหล่งที่มีชื่อเสียงด้วย ทำให้ผมได้ใช้บริการของ JR บ่อยมากๆ โดยเฉพาะ Akihabara (秋葉原) แหล่งเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ และร้านหนังสือ
วันที่ 6 มีนาคม 2550 วันที่สองของการฝึกงานกับ Host Company คุณ Morozumi แนะนำให้รู้จัก คุณ Etsuzo Kimura ที่จะเป็นผู้ช่วยดูแลตลอดการฝึกงานครั้งนี้ และคอยติดต่อประสานงานกับ คุณ Morozumi และคุณ Morozumi จะประสานงานต่าง ๆ กับ TKC อีกที คุณ Kimura จะไม่ติดต่อโดยตรงกับ TKC เนื่องจาก NEC มีหลายส่วน หลายแผนก ทำให้ต้องติดต่อกันหลายขั้นตอน วันที่สองก็ยังไม่ได้ทำงาน คุณ Kimura พาไปดูงานแสดงสินค้าด้าน Retail Solution (ระบบสำหรับค้าปลีก) ซึ่งมีบริษัทที่มีชื่อเสียงหลายบริษัท มาร่วมแสดงสินค้าของ NEC สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ผมฝึกงานชื่อ DCMSUPOS
วันต่อมาก็ได้รับเนื้อหาต่าง ๆ ของระบบ Retail โดยมีพนักงานแต่ละส่วนมาอธิบายแต่ละเนื้อหาให้ฟัง โดยให้ดูเอกสารประกอบ มีทั้งภาษาอังกฤษ และญี่ปุ่น การพูดคุยก็ใช้ภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษผมก็ฟังอย่างเดียวเลยเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง ส่วนภาษาญี่ปุ่นก็พอพูดคุยได้บ้าง แต่ยังไม่เป็นประโยคที่สมบูรณ์ (ภาษาญี่ปุ่นไวยกรณ์ไทย) จากนั้นอีกสองสามวัน ก็เริ่มเข้าเนื้อหาการฝึกงาน และอธิบายรายละเอียดการฝึกงานจนถึงวันที่ 18 มกราคม 2551 โดยทุกวันจันทร์ต้องส่ง Weekly Report ให้คุณ Kimura และทุกวันต้องส่ง Daily Report ให้อาจารย์
การเดินทางไปทำงาน ช่วงแรก ๆ ต้องปรับตัวให้เข้ากับการเดินทาง และหาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเดินทางมาทำงาน เพราะรถไฟในช่วงเวลาเร่งรีบจะแน่นมากๆ เมื่อประตูรถไฟปิด คนที่ขึ้นคนสุดท้ายจะดันและดันต่อ ๆ กัน เพื่อให้ตัวเองเข้าไปขบวนนี้ให้ได้ (หน้าหนาวก็อุ่นดีครับ หน้าร้อนจะเป็นลม)
อาหารการกินมื้อเที่ยงผมจะใช้บริการของโรงอาหาร NEC ราคาถูกมากๆ โดยเฉพาะเมนูที่ผมสั่งประจำคือ Ramen จะมีหลายสูตรเปลี่ยนไปตามฤดูกาล แต่ก็มีบางมื้อต้องออกไปรับประทานภายนอก ก็ถือโอกาสฝึกภาษาไปในตัวครับ
วันจันทร์ - ศุกร์ ตื่นนอนประมาณ 5:00 6:30 ในบางวันก็ไม่ได้รับประทานข้าวเช้า (โรงอาหารเปิด 6:00) ต้องออกจากศูนย์ฯ ก่อน 7:00 จะเดินแบบสบาย ๆ ไม่ต้องรีบ จะถึง NEC ก่อน 8:30 ก็เริ่มทำงานเลยครับ เฉพาะวันจันทร์จะมีประชุมเช้า และต้องเขียน Weekly report ช่วงเช้าโดยส่วนมากถ้าอาจารย์ผู้สอนต้องการประชุมก็จะเป็นช่วงประมาณ 10:00 12:00 ช่วงบ่ายจะทำงานต่อเนื่องไปจนถึง 17:30 หมดเวลาสำหรับนักศึกษาฝึกงาน เป็นกฎของ AOTS
วันเสาร์ อาทิตย์ บ่อยครั้งวันศุกร์จะมีงานเลี้ยงทำให้วันเสาร์ตื่นไม่ทันอาหารมื้อเช้า, ในบางครั้งก็จะนัดเพื่อน ๆ ที่พักศูนย์อบรม TKC ไปเดินท่องเมือง หรือไปดูงานแสดง Embedded Systemห ต่างๆ ที่จัดขึ้นบ่อยครั้ง, ในช่วงเย็นของวันเสาร์จะไปหาซื้ออาหารมาเก็บไว้ สำหรับทำกินในวันอาทิตย์ นาน ๆ ครั้งจะไปรับประทานอาหารข้างนอกศูนย์ฯ โดยปกติแล้ว ผมก็จะใช้เวลาส่วนใหญ่ดู TV และหาความรู้ด้าน Embedded Systems
การฝึกภาษาด้วยตนเอง ท่องศัพท์อ่านไวยกรณ์ของ shuukyuu ในระหว่างเดินทางในรถไฟ และระหว่างเดิน, เล่นเกมส์ NintendoDS Lite เกี่ยวสอนภาษา, คุยสนทนากับเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ และแม่บ้าน, เดินทางไปต่างเมือง อันนี้ผมยืนยันได้ผลมาก ๆ จะได้ศัพท์ใหม่ ๆ ด้านโรงแรม, การเดินทาง, การหาเส้นทาง และดูตารางเวลา เมื่อไม่เข้าใจเส้นทางก็ถามเจ้าหน้าที่ JR ต้องพยายามสื่อสารให้เขารู้เรื่องให้ได้ เป็นข้อดีเพราะคนต่างจังหวัดจะไม่พูดภาษาอังกฤษ และได้เรียนรู้วิธีการพูดคุยของชาวบ้าน ผมทำอย่างนี้เป็นเวลาประมาณ 4 เดือนจึงเห็นผลครับ กล้าพูด กล้าถาม แล้วคิดเป็นไวยกรณ์ญี่ปุ่นโดยอัตโนมัติ แรก ๆ ที่เป็นลักษณะ ภาษา Echo (คือ พูดตาม หรือทวนคำถามถามเขา) ตอนนั้นก็เริ่มพูดคุยได้อย่างไม่มีปัญหาจะติดเรื่องไม่รู้ศัพท์ แต่ก็สามารถถามกลับให้ช่วยอธิบายได้ แต่อย่างไงก็ยังไม่สามารถพูดคุย หรือออกความคิดเห็นในที่ประชุมได้ ยังคุยได้แค่เรื่องทั่ว ๆ ไปได้
ความลำบากในการใช้ชีวิตประจำวัน คงเป็นเรื่องอาหารการกินเท่านั้น เนื่องจากพักอยู่ในศูนย์ฝึกอบรมฯ จึงต้องรับประทานอาหารที่ศูนย์จัดให้เช้า เย็น ในวันจันทร์-เสาร์ อาหารไม่ค่อยมีความสด และจำเจ แต่สถานที่ดีมากๆ สะดวกสบาย มีเครื่องซักผ้า และเครื่องอบผ้า อบเสร็จก็ใส่ได้เลย ไม่ต้องกลัวของขาด ไม่ต้องทนอากาศหนาว และอากาศร้อน เย็นสบายตลอดปี มี Cable TV ให้ดู ( เป็นเครื่องมือหลักในการรับข่าวสาร และศึกษาภาษาของผม)
ได้อะไรจากการฝึกงานโครงการ ESTATE หลายคนคงคิดว่าลักษณะงานของญี่ปุ่นเป็นงานทางด้านการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ความจริงแล้ว บริษัทยิ่งใหญ่ งานส่วนใหญ่จะเป็นงานออกแบบ และงานเอกสาร ในส่วนด้านพัฒนาจะใช้วิธีการส่งงานให้บริษัทเล็กๆ รับไปพัฒนา หรือไม่ก็ส่งไปประเทศต่างๆ บริษัท NEC ก็เช่นกัน งานที่ผมได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีส่วนใหญ่จะเป็นงานด้านการจัดการ การควบคุมติดตามงานตามแบบญี่ปุ่น และได้เรียนรู้ข้อคิดต่างๆในการดำรงชีวิตต่อไป
วันที่ 19 มกราคม 2550 เดินทางกลับจากสนามบินนานชาติ Tokyo Narita สู่สนามบินสุวรรณภูมิ
ขอขอบพระคุณขณะกรรมการที่มีส่วนร่วมทุกท่าน เจ้าหน้าที่ที่ดูแลโครงการทั้งทางไทย และทางญี่ปุ่นทุกท่าน สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุ่น) : TPA , The Association for Overseas Technical Scholarship : AOTS และสมาคมสมองกลฝังตัว : TESA
วันที่ 19 กันยายน 2551 ได้มีโอกาสพบเจอคุณ Suzaka(ซ้าย) ที่เป็นอาจารย์ที่ถ่ายทอดความรู้ระบบงานพัฒนา Software ของ NEC DCMSUPOS ให้พวกผม และคุณ Yoshi(ขวา) ฝ่ายขาย ในงาน Food & Hotel ซึ่งทาง NEC ได้นำ Product ตัวที่ผม และน้องจักรกฤษณ์มีส่วนช่วยในการพัฒนามาแสดงในงาน
ท้ายนี้ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับน้องๆ ที่สนใจเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่น และอยากไปทำงานที่ญี่ปุ่น เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจ
Website อ้างอิง :
AOTS: www.aots.or.jp
TPA: www.tpa.or.th
TESA: www.tesa.or.th
ศูนย์ KKC: d-training.aots.or.jp/orientation/kkc.html
ศูนย์ TKC: d-training.aots.or.jp/orientation/tkc.html
DCMSUPOS: www.nec.co.jp/dcm/img/product/DCMSUPOS_e.pdf
My Blog: thammass.blogspot.com
---------------------------------------
บันทึกเมื่อ วันที่ 7 ตุลาคม 2551
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที