พัสกร

ผู้เขียน : พัสกร

อัพเดท: 01 ก.พ. 2008 02.56 น. บทความนี้มีผู้ชม: 3653 ครั้ง

หวังว่าเพื่อนๆพี่ๆน้องๆคงจะชอบกัน.
อย่าลืมโหวตให้ด้วยนะคร้าบ


ชีวิตมัธยมปลายก้าวไกลไปกับเทคโนโลยี(สวนกุหลาบวิทยาลัย)

 

"ชีวิตมัธยมปลายก้าวไกลไปกับเทคโนโลยี"

                หากเปรียบชีวิตนักเรียนมัธยมปลายกับการเดินทาง ผู้ไปสามารถไปถึงเส้นชัยได้ก็คงเป็นผู้ชนะ ท่ามกลางเส้นทางอันยาวไกลและแสนหฤโหดนี้พร้อมที่จะทำให้ผู้เดินทางพัดหลงออกจากลู่ทางได้อย่างไม่ยากเย็น ผู้ที่จะฟันฝ่าไปสู่จุดหมายได้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่น อดทน และเข้มแข็งอยู่เสมอ ชีวิตนักเรียนมัธยมปลายก็คงไม่ต่างกัน ต่างคนล้วนมีจุดหมายของตนเองที่จะต้องฝ่าฟันไปให้ถึง

                ในโลกยุคปัจจุบันที่ข้างนอกเต็มไปด้วยความก้าวหน้า และเทคโนโลยีมากมาย ผู้คนมาก

มายรับเอาอิทธิพลเหล่านี้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันกันอย่างแพร่หลาย ต่างคนก็อาจจะรู้จักและให้คำจำกัดความของเทคโนโลยีแตกต่างกันไป แต่สำหรับชีวิตนักเรียนมัธยมปลายอย่างข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคิดว่าเทคโนโลยีได้สร้างสรรค์สิ่งดีๆขึ้นมากมาย เทคโนโลยีช่วยทุกอย่างดูเหมือนจะง่ายไปเสียหมด แต่ก็มีบางอย่างที่เทคโนโลยีทำให้ยุ่งไปหมด ทั้งหมดล้วนก่อให้เกิดความทรงจำอันล่ำค่าและถือเป็นสีสันแห่งชีวิตนักเรียนมัธยมปลายที่เมื่อผ่านไปแล้วจะไม่มีวันเรียกกลับคืนมาได้

                 ในบรรยากาศแห่งการเรียนและการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้น เทคโนโลยีได้เข้ามามีอิทธิพลต่อข้าพเจ้าและผองเพื่อนเป็นอันมาก เพื่อนทุกคนของข้าพเจ้ารู้จักคำว่าเทคโนโลยีเป็นอย่างดี บางคนอาจจะรู้จักดีกว่าข้าพเจ้าเสียอีก เทคโนโลยีบางอย่าง ข้าพเจ้าก็ได้เรียนรู้มาจากเพื่อนๆ เช่นในตอนที่ข้าพเจ้าได้โทรศัพท์มือถือใหม่ อันที่จริงเป็นรุ่นที่ตกทอดมาจากแม่ ข้าพเจ้าหลงดีใจและเห่อไปกับมันอยู่หลายวัน แรกก็ให้เพื่อนๆ สอนวิธีใช้ ไม่นานเท่าไหร่ก็เริ่มรู้สึกเฉยๆกับมัน วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า เพื่อนๆต่างพากันเปลี่ยนรุ่นใหม่กันหมด ทั้งจอสี เทคโนโลยีสูง ถ่ายภาพได้บ้าง ฟังเพลงได้บ้าง ข้าพเจ้าเฝ้ารอโอกาสที่จะขอเครื่องใหม่จากแม่ แต่ก็ไม่ยักจะประสบผลสำเร็จสักที ข้าพเจ้าได้แต่อิจฉาโทรศัพท์ของเพื่อนๆ จนผ่านไป 5 ปี แม่ก็ซื้อโทรศัพท์ให้ เป็นรุ่นทีใหม่ที่สุด เทคโนโลยีสูงที่สุด คราวนี้เป็นทีเพื่อนแล้วที่หันมาอิจฉาโทรศัพท์ของข้าพเจ้า แต่อย่างไรข้าพเจ้าก็ยังต้องถามวิธีใช้จากเพื่อนอยู่ดี         โรงเรียนที่ข้าพเจ้าเรียนอยู่นั้นมีการนำเทคโนโลยีมาบูรณนาการมากมาย การเรียนในห้องคงน่าเบื่อไม่น้อยถ้าการเรียนเป็นแบบโบราณที่มานั่งจดตามที่ครูสอนบนกระดานทีละตัว นักเรียนมัธยมปลายอย่างข้าพเจ้าถือเป็นช่วงโค้งสุดท้ายจริงๆในการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย จะมาเรียนกันอย่างช้าๆก็เห็นทีจะไม่ทันการ คุณครูจึงมีเครื่องช่วยอำนวยความสะดวก เช่น การใช้เครื่อง “ โปรเจคเตอร์ ” ฉายภาพจากชีทของอาจารย์ทำให้สามารถสอนไปได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องมาเสียเวลาเขียนขึ้นกระดาน แต่บางครั้งก็อาจจะมีเสียงพึมพำตามมาว่า สอนเร็วไป เรียนไม่รู้เรื่อง ไม่วายทำให้หลายๆคนสอบตกไปตามๆกัน บางวิชาอาจารย์ก็จะนำสไลด์มาฉายประกอบไปกับการบรรยายของอาจารย์ ทำเอารุ่นพี่บางคนถึงกับแซวการสอนของอาจารย์ว่าเป็นการปิ้งแผ่นใส พอร้อนก็พลิกหน้าต่อไป บางวิชาก็มีการใช้คอมพิวเตอร์ อาจารย์อาจจะให้งานนักเรียนไปศึกษาค้นคว้า ทำเป็นรายงานแล้วนำมารายงานหน้าห้อง โดยจะรายงานเป็น “ เพาเวอร์พอยต์  ” วิธีนี้ถือเป็นวิธีที่น่าสนใจและดึงดูดความสนใจของนักเรียนได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว แต่บางครั้งที่คอมพิวเตอร์ขัดข้องบ้าง เปิดไม่ติดบ้าง คีย์บอร์ดใช้ไม่ได้บ้าง ก็ทำเอาเสียเวลาไปสมควร บางครั้งถึงกับทำให้คาบนั้นไม่ต้องเรียนกันไปเลย ครั้งหลังๆอาจารย์ก็มีวิธีแก้โดยให้นักเรียนกลุ่มที่จะรายงานเอาโน๊ตบุคมาเองเลย

ว่างจากการเรียน คอมพิวเตอร์ก็มักจะถูกมุงไปด้วยนักเรียนกลุ่มใหญ่ราว 5-6 คน นั่งเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ คีย์บอร์ดก็มีอันเดียว เม้าส์ก็มีอันเดียว แต่เพื่อนๆก็สามารถเล่นพร้อมกันทีละหลายๆคนได้ วันไหนโชคดีอาจารย์ไม่เดินมาเยี่ยมก็ถือเป็นโชคดีของพวกเราไป ไม่โดนจับได้ วันไหนเล่นเพลิน ลืมดูต้นทาง อาจารย์มาเห็นเข้าก็อาจจะโดนเทศน์ได้ แต่พวกเราก็ไม่เข็ดวันต่อมาก็คงเล่นต่ออย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ทุกอย่างก็อาจไม่ราบรื่นเสมอไป วันใดอินเตอร์เน็ตมีปัญหา หรือคอมพิวเตอร์ใช้ไม่ได้ พวกเราก็พากันนั่งเซงไปตามๆกัน เพื่อนๆบางคนก็มีเกมส์ในมือถือมาแก้ขัด ก็พอที่จะแก้เบื่อ แก้เซงกันไปได้ บางคนก็ง่วนอยู่กับการฟังเอ็มพีสาม เอ็มพีสี่  ในบางวันที่โอกาสและเวลาเอื้ออำนวยก็อาจจะนำโปรเจคเตอร์กับคอมพิวเตอร์มาตั้งเป็นมินิโฮมเธียร์เตอร์ดูหนังกันในห้อง แล้วก็ปิดไฟมืดๆให้บรรยากาศเหมือนจริง แต่ก็อีกนั่นแหละเมื่ออาจารย์เดินเข้ามาก็พาเอาให้วงแตก หนีกันแทบไม่ทัน

พูดถึงเรื่องการบ้าน การบ้านที่ได้นั้นก็มักจะเป็นการบ้านที่ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเป็นอย่างดี เชื่อว่านักเรียนหลายๆ คนคงจะเข้าใจเป็นอย่างดี เพราะการบ้านสักชิ้นหนึ่งของอาจารย์นั้น ประกอบไปด้วยการค้นคว้าทางอินเตอร์เน็ต การพิมพ์งาน การส่งงานให้เพื่อน ยังรวมถึงการ “ สแกน ” แล้วก็ “ ปริ้นท์ ” อีกด้วย การพึ่งเทคโนโลยีบางครั้งมันก็อาจจะมีปัญหาอีกนั่นแหละ บางครั้งก็อาจจะได้ยินคำแก้ตัวที่ว่าอินเตอร์เน็ตใช้ไม่ได้ คอมพิวเตอร์เสีย หมึกเครื่องปริ้นท์หมด  หรือบางคำแก้ตัวที่ไม่น่าจะให้อภัยก็อาจจะเป็น แชทเพลิน เล่นเกมส์เพลิน พูดถึงเรื่องเกมส์แล้ว เจ้าเกมส์นี้แหละที่ทำให้เพื่อนๆของข้าพเจ้าบางคนถึงกับติดเกมส์กันไปเลยทีเดียว ของอย่างนี้จะไปโทษเทคโนโลยีฝ่ายเดียวมันก็ไม่ถูก มันอยู่ที่ตัวเองด้วยต่างหาก

                ไม่ใช่เพียงแต่การเรียนในโรงเรียนในโรงเรียนเท่านั้น อิทธิพลของเทคโนโลยีได้แผ่วงกว้างไปถึงตามสถาบันกวดวิชาต่างๆ หลายแห่งมีการเพิ่มห้องวงจรเนื่องจากห้องสอนสดรับนักเรียนได้ไม่พอ หลายแห่งเปิดคอร์สเรียนมากขึ้นโดยให้วิดีโอเป็นผู้สอน เหลือบไปเห็นโบชัวร์ของสถาบันกวดวิชาบางแห่ง เปิดให้มีการเรียนผ่านคอมพิวเตอร์ เลือกเรื่อง เลือกเวลาได้ตามใจ เรียกได้ว่าเอาใจผู้เรียนกันแบบสุดๆ

                คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเทคโนโลยีดังกล่าวข้างต้นก่อให้เกิดคุณประโยชน์แก่นักเรียนเช่นข้าพเจ้านานัปการ แต่จะต้องไม่ลืมว่าทุกสิ่งล้วนเปรียบเสมือนดาบสองคม มีทั้งด้านดีและด้านร้าย มีคำกล่าวที่ว่าสิ่งใดมีคุณอนันต์ ก็มีโทษมหันต์เช่นกัน การใช้เทคโนโลยีมากเกินไปหรือใช้ในทางที่ผิด ก็อาจจะเป็นการสั่งสมความขี้เกียจ ทำให้สมาธิสั้น ยิ่งเป็นเกมส์ประเภทต่อสู้ด้วยแล้วก็จะเป็นการปลูกฝังความรุนแรงทางอารมณ์อีกด้วย สิ่งเหล่านี้เราสามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้โดยการแบ่งเวลา รู้ว่าควรใช้มากน้อยแค่ไหน โดยในช่วงชีวิตนักเรียนมัธยมซึ่งเป็นช่วงหัวเลี่ยวหัวต่อ เราจะต้องไม่ตกอยู่ภายใต้เทคโนโลยี ดังคำกล่าวที่ว่า  “ เทคโนโลยียิ่งก้าวไกล จิตใจยิ่งก้าวตาม ”

                ต้องขอขอบคุณเทคโนโลยีเป็นอย่างมากที่เข้ามามีบทบาทกับชีวิตข้าพเจ้า เทคโนโลยีช่วยเติมเต็มความเป็นนักเรียนของข้าพเจ้าให้สมบูรณ์ ถ้าปราศจากเทคโนโลยีแล้ว ข้าพเจ้าคงไม่มีโทรศัพท์เอาไว้คุยกับเพื่อน คงไม่มีคอมพิวเตอร์ที่เป็นเหมือนเพื่อนสนิทคนหนึ่งของข้าพเจ้า การเรียนของข้าพเจ้าคงไม่ง่ายดายเหมือนที่เป็นทุกวันนี้ ไม่ว่าประสบการณ์ที่ได้จากเทคโนโลยีจะดีหรือร้ายเพียงใด ข้าพเจ้าจะเก็บมันไว้ความทรงจำที่ล้ำค่าของข้าพเจ้าว่าครั้งหนึ่งเทคโนโลยีช่วยเติมเต็มชีวิตนัดเรียนคนนี้ให้เป็นนักเรียนที่สมบูรณ์ได้

 

                                                                                                  พัสกร       ตรีวัชรีกร


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที