tobtab

ผู้เขียน : tobtab

อัพเดท: 18 ต.ค. 2008 14.43 น. บทความนี้มีผู้ชม: 155205 ครั้ง

เรียงความ อุตสาหกรรมกับสิ่งแวดล้อม

การที่จะพัฒนาประเทศคงปฏิเสธไม่ได้ที่จะให้มีการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจภายในประเทศดีขึ้นและส่งผลให้ประชาชนมีงานทำงานมีรายได้เพื่อใช้ในดำรงชีพ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นการพัฒนาประเทศจะเป็นไปอย่างมั่นคงก็จะต้องอาศัยทรัพยากรทางด้านธรรมชาติและการพัฒนาคุณภาพความสามารถของประชากรในประเทศด้วย ซึ่งในการพัฒนาด้านประชากรนั้นต้องมีทั้งการพัฒนาทางด้านของจิตใจและสติปัญญา ซึ่งสิ่งที่สำคัญในการพัฒนาของทุกๆด้านนั้นคือสิ่งแวดล้อม จึงทำให้ทั้งอุตสาหกรรมกับสิ่งแวดล้อมมีความเกี่ยวข้องกัน
ในปัจจุบันนั้นการลงประกอบกิจการในด้านอุตสาหกรรมนั้นได้รับความนิยมพอสมควร เพราะให้ผลตอบแทนดีพอสมควร ซึ่งการที่มีการลงทุนในด้านอุตสาหกรรมนั้นมีทั้งประโยชน์และก็โทษด้วยกัน หากมองในด้านของบวกแล้วการลงทุนด้านอุตสาหกรรมนั้นมีประโยชน์อย่างมากมาย อย่างเช่นในด้านของเศรษฐกิจซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจภายในของประเทศดีขึ้นส่งผลให้ประชากรในประเทศมีรายได้มากขึ้นนอกจากนี้ยังส่งผลไปถึงการพัฒนาประเทศ แต่ทว่าอุตสาหกรรมนั้นไม่ได้มีแค่เพียงประโยชน์เท่านั้น ซึ่งหากเรามองในด้านลบของการอุตสาหกรรมแล้ว อุตสาหกรรมก็มีโทษไม่น้อยไปกว่าประโยชน์ของมันเลย โดยเฉพาะในด้านสิ่งแวดล้อมนั้นได้รับผลกระทบอย่างมากอย่างมากจากการที่มี่โรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งปัญหาที่ทุกๆคนรู้จัก ก็คือ ปัญหาโลกร้อน ทั้งนี้สาเหตุหนึ่งของการเกิดภาวะโลกร้อนก็ คือ การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างหนึ่งจากการที่มีโดรงงานอุตสาหกรรม นอกจากนี้การที่มีโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นยังส่งผลกระทบให้ทรัพยากรทางด้านสิ่งแวดล้อมลดลงไป นี้คือตัวอย่างผลเสียของอุตสาหกรรม ซึ่งจะเห็นว่าการที่มีโรงงานอุตสาหกรรมมากๆก็ไม่ใช่วิธีที่ดีในการพัฒนาประเทศเพราะว่าการที่มีโรงงานอุตสาหกรรมมากทำให้สภาพแวดล้อมเสื่อมเสียไป ส่งผลกระทบให้การพัฒนาทางด้านสุขภาพร่างกายและจิตใจลดลงเนื่องจากการที่สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมเป็นผลให้เกอดมลพิษและปัญหาต่างๆตามมา แต่ทว่าปัญหาต่างเหล่านี้ไม่ใช่ว่าไม่มีทางที่จะป้องกันหรือแก้ไขเลย ซึ่งสามารถทำได้โดยการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นระบบในบริเวณรอบๆโรงงานอุตสาหกรรม เช่น การทำบ่อพักนำเสียไว้เพื่อทิ้งให้ของเสียตกตะกอนเสียก่อนแล้วจึงปล่อยออกไปสู่ท่อทิ้งน้ำซึ่งจะช่วยให้น้ำที่ปล่อยออกไปนั้นไม่ก่อมลพิษต่อสาธารณชนหรือจะเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยการที่ดำเนินกิจการอุตสาหกรรมอย่างห่วงใยสิ่งแวดล้อมซึ่งสามารถทำได้โดยการที่มีการวางแผนการจัดการ การสำรวจพื้นที่และผลกระทบต่างๆที่ตามมาหากมีการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมบริเวณนั้น แล้วนำมาปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่โดยคำนึงถึงผลกระทบที่ตามมาทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อมและอื่นๆ ซึ่งเป็นการช่วยได้อย่างมากในการลดปัญหาสิ่งแวดล้อม และยังช่วยให้ประเทศพัฒนาไปอย่างมั่นคงอีกด้วย
อุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อมนั้นมีทั้งคุณค่าและความสำคัญนอกจากนี้ยังมีความเกี่ยวเนื่องความสัมพันธ์กันในด้านต่างๆ ซึ่งอุตสาหกรรมนั้นมีทั้งโทษและประโยชน์ในเวลาเดียวกันแต่ทว่าโทษของอุตสาหกรรมนั้นมีมากมายพอสมควรและเป็นปัญหาที่แก้ยากพอสมควร ดังนั้นวิธีที่จะช่วยให้อุตสาหกรรมนั้นมีโทษน้อยลงคงหนีไม่พ้นการป้องกันปัญหาที่จะเกิดตามมาโดย การที่นำเอาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งจะทำให้อุตสาหกรรมนั้นมีประโยชน์อย่างมากในด้านต่างๆและยังเป็นการปฏิบัติที่แสดงให้เห็นถึงความห่วงใยสิ่งแวดล้อม ผลที่ตามมา คือ ประเทศมีการพัฒนาอย่างมั่นคง หากรู้จักการใช้ทรัพยากรทั้งทางธรรมชาติและที่มนุษย์สรรค์สร้างขึ้นอย่างรู้คุณค่า






การแย่งชิงพื้นที่ระหว่างพืชอาหารกับพืชพลังงาน

ในปัจจุบันนี้คงปฏิเสธไม่ได้ที่จะใช้พลังงานทดแทนต่างๆ อาทิเช่น ไบโอดีเซล หรือ ก๊าซNGVเป็นต้น ซึ่งพลังงานทดแทนต่างๆเหล่านี้บางอย่างต้องใช้ผลผลิตทางเกษตรมาเป็นปัจจัยในการผลิต ผลกระทบที่ตามมาก็คือทำให้พื้นที่บางส่วนที่เคยเป็นบริเวณที่ปลูกพืชอาหาร กลับกลายมาเป็นบริเวณที่มีการปลูกอาหารและพืชพลังงาน ซึ่งพื้นที่บางส่วนนั้นเป็นพื้นที่ที่อยู่ในเขตภาคเหนือดังนั้นผลกระทบที่ตามมาก็ไม่อาจ ที่จะพ้นผู้คนที่อาศัยอยู่ในภาคเหนือ ซึ่งมีมากมายหลายประการดังจะกล่าวต่อไปนี้

การที่มีพื้นที่บางส่วนเปลี่ยนจากการปลูกพืชอาหารมาเป็นพืชพลังงานนั้น ผลกระทบที่ตามมานั้นมีในด้านใหญ่ๆและเห็นได้ชัดเจน คือ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสิ่งแวดล้อม โดยด้านที่ชัดเจนที่สุดและมีผลกระทบอย่างมาก ก็คือ ด้านเศรษฐกิจ เพราะว่าอย่างที่รู้ๆกันว่าเมื่อพื้นที่ในการปลูกพืชอาหารลดลงทำให้ปริมาณการผลิตที่ออกมาก็น้อยลงตามไปด้วย ในขณะที่ความต้องการอาหารของประชากรไม่ว่าจะเป็นในระดับภาค หรือระดับประเทศแม้แต่ในระดับโลก นั้นไม่ได้มีความต้องการลดลงจึงทำให้อาหารขาดแคลน ผลที่ตามมาก็คือ ราคาพืชอาหารมีราคาสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งถึงแม้ว่าใน17จังหวัดภาคเหนือหรือในประเทศไทยนั้นจะมีอาหารเพียงพอสำหรับความต้องการก็จริง แต่ว่าในภาพรวมของโลกนั้นไม่ใช่ ผลกระทบจึงส่งมาถึงประเทศไทย ทำให้เศรษฐกิจไม่ดีเท่าที่ควร เพราะค่าครองชีพสูงขึ้น ผู้คนจึงไม่ค่อยจับจ่ายใช้ส้อยเงินจะหมุนเวียนในระบบจึงมีน้อยทำให้เศรษฐกิจไม่พัฒนา ส่วนในด้านของสิ่งแวดล้อมนั้นเป็นผลกระทบที่ไม่ค่อยเด่นชัดเท่าที่ควร เนื่องจากเป็นเรื่องที่หลายๆคนไม่รู้หรืออาจคิดไม่ถึง เพราะว่าพืชพลังงานที่ปลูกนั้นไม่ค่อยเป็นทีรู้จัก ซึ่งได้แก่ อ้อย มันสำประหลัง และปาล์มน้ำมันเป็นต้น พืชเหล่านี้เมื่อปลูกแล้วจะต้องดูแลอย่างดีและยังเป็นพืชที่ต้องการแร่ธาตุต่างๆมากจึงมีการใช้สารเคมี ผลก็คือทำให้ดินบริเวณนั้นเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้สารเคมีที่ใช้ดูแลพืชเหล่านี้มีฤทธิ์แรงพอสมควร จึงทำให้พืชอื่นๆที่อยู่บริเวณข้างเคียงได้รับผลกระทบไปด้วย และถ้าหากอยู่ใกล้แหล่งน้ำก็มีสิทธิที่จะทำให้แหล่งน้ำนั้นจะมีการสะสมของสารเคมีมาก จนในที่สุดก็ไม่สามารถนำมาใช้ได้ถ้าหากไม่มีการจัดการที่ดีและมีประสิทธิภาพ

สุดท้ายนี้ ถึงแม้ว่ามีการปลูกพืชพลังงานเพิ่มมากขึ้นแล้วทำให้เกิดผลกระทบต่างๆตามมาก็มิใช้ว่า การปลูกพืชพลังงานนั้นจะมีผลเสียเสมอไปเพราะว่าการที่เราปลูกพืชพลังงานนั้นก็เพื่อใช้เป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหาราคาน้ำมันแพงให้มีราคาต่ำลง และผลิตพลังงานทดแทนต่างๆที่สามารถใช้แทนน้ำมันได้แต่มีต้นทุนต่ำกว่า เพื่อจะช่วยเหลือในทุกภาคส่วนให้มีรายจ่ายในด้านนี้ลดลง นอกจากนี้การปลูกพืชพลังงานจะไม่เป็นปัญหาและส่งผลเสียให้มีพืชอาหารลดลง ถ้าหากว่ามีการจัดการในทุกๆด้านอย่างเหมาะสม แล้วผลประโยชน์ก็จะตกอยู่กับประชาชนทุกคน ทำให้ทุกคนอิ่มท้องและนอนหลับอย่างมีความสุข


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที