วัตพล

ผู้เขียน : วัตพล

อัพเดท: 28 ก.พ. 2024 12.57 น. บทความนี้มีผู้ชม: 354 ครั้ง

รีวิวและการจัดอันดับเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดต่างๆ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ภายในครัวเรือน อุปกรณ์สื่อสารทุกชนิด


ปัญหาสารพัดเรื่องแอร์ที่หายได้ง่ายๆ เพียงแค่การล้างแอร์

เคล็ดลับการล้างแอร์ที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายภายในบ้านคุณได้ง่ายๆ พร้อมบอกปัญหาที่ควรเช็กดูหากบ้านคุณมีตาม checklist นี้จะได้เร่งแก้ไข โดยการล้างแอร์ด้วยตัวเองหรือเรียกช่างแอร์ได้เลย

ล้างแอร์

การล้างแอร์วิธีการลดปัญหาเกี่ยวกับแอร์ได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาแอร์ไม่เย็นควรทำยังไงดี หรือค่าไฟสูงขึ้นควรทำอย่างไร หลายคนเลือกที่จะมองข้ามข้อปฏิบัติง่ายๆ อย่างเช่น การล้างแอร์ ที่ถูกมองว่าเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่รู้หรือไม่ว่า เป็นสิ่งทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่สูงตามมาได้เลยหากถึงขั้นต้องซ่อมบำรุง บทความนี้จะมาเล่าถึงปัญหาแอร์ที่พบได้บ่อย ควรล้างแอร์เมื่อไหร่ เลือกล้างแอร์กับช่างหรือทำเองดี อ่านได้เลย!


ปัญหาแอร์แบบไหน ที่ช่างล้างแอร์พบบ่อย

ล้างแอร์ ราคา

ปัญหาแอร์แบบไหน ที่ควรเรียกช่างแอร์โดยด่วน หลายคนคงสงสัยว่าควรล้างแอร์ตอนไหนดี จะเรียกช่างมาล้างแอร์ ราคาก็สูง จึงปล่อยให้แอร์ถูกใช้งานอย่างหนักหน่วง ยิ่งนานๆ เข้าก็ทำให้แอร์เกิดอาการผิดปกติ ลองมาเช็คสัญญาณเตือนว่าควรล้างแอร์เมื่อไหร่ดีได้เลย!

1. แอร์ไม่เย็น

แอร์ไม่เย็นเป็นปัญหาที่หลายๆ บ้านพบบ่อยที่สุด เพราะอาจคุ้นชินกับการใช้งานเป็นประจำ ทำให้ไม่สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลง แถมในช่วงฝนตกหรือฤดูหนาวก็ทำให้แอร์ทำงานได้เย็นกว่าปกติ จึงทำให้หลายๆ คนชะล่าใจเลือกที่จะไม่ล้างแอร์ และเมื่อรู้สึกว่าแอร์ไม่เย็นก็จะปรับอุณหภูมิลดลงอีก แต่รู้หรือไม่ว่านั่นทำให้ระบบการทำงานภายในตัวเครื่องทำงานหนักกว่าเดิม แถมยังทำให้ค่าไฟเพิ่มขึ้น แนะนำให้ควรรีบล้างแอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้แอร์เสียหายหนักกว่าเก่าดีกว่า

2. แอร์มีกลิ่น

ปัญหาแอร์มีกลิ่นเหม็นหรือกลิ่นอับ เป็นสัญญาณบอกว่าควรที่จะรีบล้างแอร์ได้แล้ว เนื่องจากบ่งบอกว่าเกิดจากการสะสมของแบคทีเรียและเชื้อโรคที่อยู่ภายในแอร์ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากแอร์บ้านที่ใช้งานมาเป็นระยะเวลานานแล้ว ทำให้เกิดการหมักหมมของเชื้อโรค หากไม่รีบล้างแอร์ก็อาจส่งผลต่อสุขถาพในอนาคต แถมยังทำให้ร่างกายอ่อนแอและเสี่ยงต่อการเป็นโรคภูมิแพ้ได้ง่ายอีกด้วย 

3. แอร์มีฝุ่นออก

กรณีที่เปิดแอร์แล้วแอร์มีฝุ่นออกมา แสดงว่าแผ่นกรองอากาศหรือฟิลเตอร์แอร์ ซึ่งเป็นตัวช่วยดักจับฝุ่นละออง ถูกใช้งานอย่างหนักจนไม่สามารถกรองสิ่งแปลกปลอมในอากาศได้แล้ว แถมจะเป็นแหล่งสะสมฝุ่นชั้นดีอีกต่างหาก หากคุณไม่เคยล้างแอร์หรือล้างคอยล์ร้อนแอร์เลย นี่เป็นสัญณานเตือนว่าคุณต้องเตรียมตัวล้างแอร์บ้านได้แล้ว

4. แอร์มีเสียงดัง

แอร์เสียงดังรบกวน เป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนสำคัญเพราะบางครั้งอาจเกิดจากการทำงานของแอร์ที่หนักขึ้น รวมถึงการไม่ล้างแอร์ ทำให้ระบบเครื่องกลภายในแปรปรวนส่งเสียงดังรบกวนจนเกิดความรำคาญในขณะเวลาที่เราพักผ่อนได้

5. ไม่เปิดแอร์มากกว่า 6 เดือน

กรณีของแอร์ที่ไม่ได้เปิดใช้งานมาเป็นเวลานานเกิน 6 เดือนขึ้นไป มักจะพบปัญหาเรื่องฝุ่นหรือสิ่งสกปรกเข้าไปสะสมอยู่ในเครื่องได้ รวมไปถึงทำให้เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์เมื่อกลับมาเปิดใช้งานอีกครั้ง หรือบางกรณีอาจจะเกิดปัญหาใบพัดแอร์ฝืดเนื่องจากน้ำยาหล่อลื่นแห้งจนเกิดสนิม เป็นสาเหตุทำให้เกิดเสียงในแอร์ได้ โดยปัญหาเหล่านี้ทำให้เครื่องปรับอากาศไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมไปถึงเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมแอร์บ้านเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้นหากไม่ได้ใช้งานเครื่องปรับอากาศเป็นในบ้านเวลานาน จำเป็นต้องล้างทำความสะอาดก่อนใช้งานทุกครั้งเสมอ

6. ค่าไฟเพิ่มสูงขึ้น

หลายๆ บ้านคงสังเกตค่าไฟที่สูงขึ้นในช่วงที่เปิดแอร์ ถึงแม้จะใช้งานในเวลาเท่าเดิมแต่ทำไมค่าไฟแพงขึ้น นี่เป็นสัญญาณเตือนว่าถึงเวลาที่ต้องล้างแอร์เสียที เนื่องจากหากไม่ล้างแอร์บ้านเป็นเวลานาน คอมเพชเชอแอร์ คอยร้อน รวมถึงการไม่ล้างคอยล์เย็นจะส่งผลให้แอร์ทำงานหนักกว่าเดิมและใช้กระแสไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นผลทำให้มิเตอร์ไฟฟ้าเด้งอย่างรวดเร็วอีกด้วย


ควรล้างแอร์เมื่อไหร่ดี

ล้างแอร์เท่าไหร่

หลายคนคงไม่รู้ว่าควรล้างแอร์เมื่อไหร่ดี สามารถล้างแอร์ด้วยตัวเองได้ไหม ถึงเวลาที่ต้องทำความสะอาดหรือยัง วิธีสังเกตง่ายๆ คือ 

  1. ขณะที่แอร์เปิดใช้งานแล้วมีฝุ่นออก เป็นปัญหาหลักที่คนส่วนใหญ่มักมองไม่เห็น หากคุณมีอาการจามหรือคัดจมูกนั่นเป็นสัญญาณเตือนว่าฝุ่นจากแอร์ที่กำลังเปิดอยู่มีจำนวนมาก ควรรีบล้างแอร์โดยด่วน!
  2. แอร์ที่ไม่ได้เปิดใช้งานเป็นเวลานาน หากคุณมีธุระหรือไม่ได้กลับบ้านมาเปิดใช้งานเครื่องปรับอากาศเป็นเวลานาน คงต้องล้างแอร์กันใหม่สักหน่อย แน่นอนว่าระหว่างที่คุณไม่อยู่อาจจะมีฝุ่นผง สัตว์เลื้อยคลานอาศัยอยู่ในแอร์หรือตายในนั่นก็เป็นได้ ทางที่ดีควรรีบเรียกช่างมาล้างแอร์บ้านสักหน่อยก่อนจะเปิดใช้งานจะดีกว่า
  3. แอร์ไม่เย็นขณะใช้งาน เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หลายคนต้องล้างแอร์ เนื่องจากจะความเย็นไม่ทั่วห้องแล้วนั้น แถมยังกินค่าไฟอีกด้วย หากคุณเป็นคนที่ใจร้อนก็สามารถล้างแอร์ด้วยตัวเองได้เลย เพราะไม่มีขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนมากนัก แต่ทางที่ดีควรเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาจัดการให้จะดีกว่า

สิ่งเหล่านี้คือข้อควรรู้เรื่องเครื่องปรับอากาศควรทำความสะอาดเมื่อไหร่ หากดูภายนอกอาจไม่สังเกตเห็นความผิดปกติได้เลยว่าควรล้างแอร์เมื่อไหร่ ดังนั้นจึงควรสังเกตแอร์ที่บ้านของคุณว่ามีปัญหาตามนี้หรือไม่ เพื่อแก้ไขปัญหาแอร์ที่บ้านได้ทันที


ช่างล้างแอร์แนะนำ ควรล้างแอร์เป็นประจำทุกกี่เดือน

ล้างคอยล์ร้อนแอร์

ระยะเวลาที่ควรล้างแอร์บ่อยแค่ไหน? แนะนำให้ล้างแอร์ทุกๆ 6 เดือนอย่างต่ำ เพราะเมื่อมีการใช้งานผ่านไปสักระยะจะทำให้พัดลมแอร์มีฝุ่นเกาะสะสม จนทำให้ลมพัดออกมาไม่ได้มาก การล้างแอร์มีประโยชน์นอกจากจะช่วยประหยัดค่าไฟแล้ว ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของคอมเพชเชอแอร์มากขึ้น ป้องกันสิ่งสกปรกและเชื้อโรคได้อย่างมาก ที่สำคัญช่วยประหยัดค่าไฟได้ถึง 10%

* ข้อมูลจากสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


ล้างแอร์โดยช่างมืออาชีพ VS ล้างแอร์ด้วยตัวเอง แบบไหนดีกว่ากัน?

ล้างแอร์บ้าน

ระหว่างล้างแอร์โดยช่างมืออาชีพกับล้างแอร์ด้วยตัวเองอันไหนดีกว่ากัน? ทำไมค่าล้างแอร์ ราคาถึงแพง หรือบางทีล้างแอร์ด้วยตัวเองแล้วไม่เย็น ทั้งๆที่ทำอย่างถูกต้องทุกขั้นตอน แต่ทำไมถึงไม่เหมือนที่ช่างแอร์ล้าง ความแตกต่างระหว่างการล้างแอร์โดนช่างแอร์มืออาชีพ และการล้างแอร์ด้วยตัวเอง มีดังนี้

การล้างแอร์โดนช่างแอร์มืออาชีพ จะทำการล้างอยู่หลายจุด ตั้งแต่ถอดคอยล์เย็นออกมาล้างทีละส่วนโดยระมัดระวัง แล้วแยกชิ้นส่วนออกมาล้างแบบทุกซอกทุกมุม และนอกจากล้างตัวเครื่องแอร์แล้ว ยังมีการทำความสะอาดท่อน้ำทิ้งอีกด้วย รวมไปถึงการตรวจเช็คระดับน้ำยาแอร์ และการล้างคอยล์ร้อนโดยใช้น้ำฉีดอย่างถูกวิธี ไม่โดนวงจรอิเล็กทรอนิกส์ให้ได้รับความเสียหาย

ส่วนการล้างแอร์ด้วยตัวเองนั้นสามารถทำได้เพียงล้างแบบผิวเผินแค่นั้น จะเป็นการทำความสะอาดขจัดฝุ่นและสิ่งสกปรกให้ออกจากแอร์หรือแผ่นกรองอากาศแบบง่ายๆ และล้างทำความสะอาดคอยล์เย็น , ท่อระบายน้ำแอร์เท่านั้นที่สามารถทำได้ด้วยตนเองที่บ้าน 


จะล้างแอร์ด้วยตัวเองหรือเรียกช่างก็ทำได้ง่ายๆ

จะเห็นว่าการล้างแอร์เป็นวิธีการช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ง่ายที่สุดก่อนที่จะเสียเงินค่าซ่อมแซมไปมากกว่านี้ ข้อแนะนำในการล้างแอร์สำหรับมือใหม่คือ ควรหมั่นล้างอย่างน้อย 6 เดือน/ครั้ง เพื่อสุขอนามัยที่ดีของตัวเอง และยังช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้มากขึ้นอีกด้วย หากไม่มีเวลามากพอที่จะล้างแอร์ด้วยตัวเองแนะนำให้จ้างช่างมาล้างให้จะดีกว่า เนื่องจากเป็นผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะแถมมีเทคนิคการทำความสะอาดและการดูแลอย่างตรงจุด เพื่อไม่ให้แอร์ของคุณพังง่ายๆ และสามารถยืดอายุการใช้งานได้นานขึ้นอีกด้วย


 


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที