เด็กส่งดอกไม้

ผู้เขียน : เด็กส่งดอกไม้

อัพเดท: 12 พ.ย. 2007 16.57 น. บทความนี้มีผู้ชม: 8623 ครั้ง

ช่วยเข้ามาโหวตด้วยนะค่ะ^-^


ชีวิตมัธยมปลายก้าวไกลไปกับเทคโนโลยี(ประกวด)

“ชีวิตมัธยมปลายก้าวไกลไปกับเทคโนโลยี”
นางสาวจุฑามณี  ทองพีระ

          “กองทัพเดินด้วยท้อง แล้วเพื่อนพ้องมัธยมปลายก้าวไกลไปด้วยอะไร?”
          คำถามข้างต้นนี้  อาจตอบได้ว่าก็เดินด้วยท้องนั่นแหละ  คนเราถ้าท้องอิ่ม  ยิ้มได้ ก็ย่อมมีเรี่ยวแรงทำงานทำการสานฝันได้  ชีวิตนักเรียนมัธยมปลายก็เช่นกัน  แต่ลำพังอาหารอย่างเดียวคงอยู่ไม่รอด  ต้องมีปัจจัยอื่น ๆประกอบด้วย   
          “ชีวิตคนเราอยู่ได้ด้วยปัจจัยสี่”  นี่อาจเป็นคำพูดที่ออกจะเชยไปโขทีเดียว  เพราะผู้เขียนได้ยินพวกผู้ใหญ่เขาพูดกันว่า  รถเป็นปัจจัยที่ห้า  มือถือเป็นปัจจัยที่หก  ในกลุ่มเพื่อน ๆเอง ก็ได้ยินบางคนเติมต่อไปว่า คอมพิวเตอร์เป็นปัจจัยที่เจ็ด  อินเตอร์เน็ตเป็นปัจจัยที่แปด  เอ็มพีสามเอ็มพีสี่เป็นปัจจัยที่เก้า...    เมื่อพิจารณาดูปัจจัยที่ห้าเป็นต้นมา  ที่ผู้ใหญ่ว่าก็ดี  เพื่อน ๆว่าก็ดี  มันก็เรียกรวม ๆ ว่าเทคโนโลยีมิใช่หรือ
           คำว่าเทคโนโลยีนี่  มันดูกว้าง ๆ วังเวงพิกล  แต่ครูสอนคอมฯที่โรงเรียนกันทรารมณ์  โรงเรียนในฝันอันดับหนึ่งระดับประเทศอย่างโรงเรียนที่ผู้เขียนเรียนอยู่นี้  กลับให้นิยามว่า  ก็จะอะไรเสียอีกละ  เทคโนโลยี ก็ไอ้ที่ย่อโลกให้เล็กลง  ย่นเวลาในการเดินทางติดต่อสื่อสาร อำนวยความสะดวกให้การงานง่ายขึ้น  เร็วขึ้น  มีประสิทธิภาพ  ประสิทธิผลเพิ่มขึ้น     เรียกง่าย ๆว่า  “ย่อโลกให้เล็ก  ส่งเสริมเด็กให้ขี้เกียจ  กินไฟ  กินเงิน”  ท่านยังเสริมต่อว่า  “กินคนที่โง่เป็นทาสมันด้วย”
           ผู้เขียนค่อนข้างเห็นด้วยกับคุณครูบางประเด็น  แต่ก็ขัดแย้งในบางประเด็นเช่นกัน  ก็คนมันต่างเจนเนอร์เรชั่น  ย่อมเห็นต่างเป็นธรรมดา
           ประเด็นที่เห็นด้วยกับครูก็คือ  ย่อโลกให้เล็กลงนี่แหละ  ทั้งมือถือก็ดี  อยู่ที่ไหนก็ส่งเสียงส่งใจให้กันได้  (แต่คุยนานก็เปลืองเงินอย่างว่า  เพราะไม่มีของฟรีในโลกดอกท่านเอย)  อินเตอร์เน็ตก็ดี  ส่งข่าวสารกันได้สะดวกรวดเร็ว  อยู่คนละมุมโลกก็คลิกถึงกันได้ไวอย่างใจนึก  ยิ่งเล่น “msn” ด้วยแล้ว  ได้อ่านทั้งข้อความ  ได้ยินทั้งเสียง  ได้เห็นหน้ากันอีก  อะไรจะง่ายดายขนาดนั้นก็ไม่รู้  ความง่ายดาย  สะดวกดายนี้  บางทีก็ทำให้เสียดายเวลาเพราะวัยรุ่นมัธยม  โดยเฉพาะมัธยมต้นที่ยังไม่รู้จักควบคุมตนเอง  อาจใช้เทคโนโลยีเพื่อทำร้าย ทำลายตนเองได้อย่างง่ายดาย  ก็ไม่ต้องยกตัวอย่างอื่นไกลหรอก  ก็ผู้เขียนเองนี่แหละ  ช่วงประมาณมอสาม  ได้คอมพิวเตอร์ที่พ่อซื้อให้ใหม่  นัยว่าจะเอามาเรียนรู้คอมพิวเตอร์  ฝึกพิมพ์งาน  ทำงานส่งครู  แต่กลับหมกมุ่นเล่นเกมเป็นบ้าเป็นหลัง  บางวันการบ้านไม่ยอมทำ  พอพ่อแม่ดุหน่อย  ก็พลอยงอน  พลอยโกรธ  แต่รู้ว่าท่านหวังดี  จึงค่อย ๆลดการหมกมุ่นในเกมคอมฯลงได้   พอขึ้นมอสี่มัธยมปลาย  ได้เข้าอินเตอร์เน็ตบ่อยเข้า  ก็เลยเลื่อนขั้นจากติดเกมมาติดเน็ต  ติดส่งคลิบ  เล่นเอ็มฯ  ทีนี้ติดเล่นเสียดึกดื่น  หลายวันหลายคืนเข้า  เสียงดุ เสียงสบประมาทจากนอกห้อง  ทั้งพระบิดา  พระมารดาก็กระแทกกระทั้นฝาห้องจนถึงหัวใจ  “จะเรียนหนังสือหรือจะเล่นคอมฯ!”  “ถ้าไม่เรียนก็ออกมาขายของช่วยแม่ซะ!”   เท่านั้นแหละ  ตกเย็นวันโกนก็รีบไปที่ตลาดจับมอเตอร์ไซค์ไปส่งดอกไม้ตามเดิม  เดี๋ยวพ่อแม่จะตัดออกจากกองมรดก  นั่นเป็นประสบการณ์เชิงลบ  ซึ่งก็ไม่ลบเสียทีเดียวเพราะมันทำให้รู้ซึ้งถึงเทคโนโลยีด้วยว่ามันมีได้  มีเสีย 

          ในส่วนผู้ใช้เทคโนโลยี   ถ้ารู้เท่าทันมัน  รู้ใช้ให้เหมาะแก่งานอย่างพระพุทธองค์ว่า  ก็คงไม่เสีย  ที่เสียก็เพราะใช้ไปในทางเล่น  ทางบันเทิงแบบผู้บริโภคอย่างไร้สติ  ตัวอย่างจากข่าวก็ดีจากเพื่อน  น้อง ๆใกล้ ๆตัวก็ดี  ที่ติดต่อสื่อสารกันโดยทางมือถือ เล่นเอ็มฯ  หรือทางแช็ทก็ตาม  แล้วไปลงเอยในทางที่ก่อความเสียหาย  โดยขาดการยับยั้งป้องกัน  บางคนจำต้องย้ายสถานที่เรียน  ออกโรงเรียน  หรือหยุดเรียนไปเฉย ๆ  ซึ่งหากเทียบเปอร์เซ็นต์การใช้เทคโนโลยี  ระหว่างคนที่หลงใช้ได้หายนะอย่างว่า  กับคนที่รู้ใช้ก้าวไกลได้ประโยชน์  ก็นับว่าน้อยกว่ากันเยอะ 
           สำหรับคนที่รู้ใช้ก้าวไกลได้ประโยชน์กับเทคโนโลยี ที่เป็นคนส่วนใหญ่  ก็มีตัวอย่างใกล้ตัวผู้เขียน อย่างรุ่นน้องมอห้า  ที่เขาเก่งคอมพิวเตอร์  เข้าไปเรียนรู้การสร้างร้านค้าในเน็ต  ก็เห็นเขามีความสุขดี  แม้สินค้าเล็ก ๆน้อยที่นำเสนอจะขายได้ไม่ได้ ก็ตาม  อย่างน้อยก็ได้ฝึกการสร้างเว็บไปไกลกว่าเพื่อน ๆ กว่าพี่ ๆ  บางคนก็รับจ้างทำงานคอมฯยาก ๆ  บางคนก็รับจ้างพิมพ์งาน  พิมพ์วิทยานิพนธ์ช่วยป้าลุงที่บ้าน(ผู้เขียนเองก็เคย)  บางคนก็ไปช่วยงานคอมฯที่ร้านถ่ายภาพตอนปิดเทอม  ไปดูแลตู้เพลงให้ญาติ  ไปดูแลร้านเน็ตช่วยน้า  เพื่อนบางคนก็ไปเรียนพิเศษคอมพิวเตอร์เตรียมเตรียมตัวเรียนต่อสายเทคโนโลยีโดยตรง  นับว่าเด็กมัธยมปลายเหล่านี้ได้ก้าวไกลไปกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และการสื่อสารอย่างน่าชื่นชมทีเดียว
          ส่วนอีกกลุ่มใหญ่ที่ไม่มีความพร้อมไม่มีทุนทางสังคมอย่างกลุ่มข้างบน  ก็ก้าวไปกับเทคโนโลยีที่โรงเรียนจัดไว้ให้  ตั้งแต่ลงทะเบียนเรียนทางเน็ต  ค้นงาน  ส่งงาน  ดูตารางเรียน  ตารางสอบ  ดูผลการเรียนการสอบ  สมัครโควตา  ส่งงานเข้าประกวดแข่งขัน  สั่งซื้อหนังสือ  มีเมลล์เป็นของตนเองไว้สื่อสารกัน  อย่างนี้ก็นับว่าไม่ตกยุค  ก้าวไปกับเทคโนโลยีเหมือนกัน 
         นอกจากคอมพิวเตอร์และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง  ดังกล่าวมาแล้ว   ชีวิตมัธยมปลายอย่างผู้เขียนและเพื่อน ๆ ยังได้มีโอกาสก้าวไปกับเทคโนโลยีด้านความคิด  อย่างทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงของเรา  ก็นับเป็นเทคโนโลยีที่ใช้ได้กับทุกสาขาอาชีพ  ไม่เฉพาะการเกษตรเท่านั้น  การค้าขายก็พอเพียงได้  การทำงานราชการก็ทำแบบพอเพียงได้  ซึ่งครูที่ปรึกษาของผู้เขียนก็พูด  และกระตุ้นบ่อย ๆในชั่วโมงโฮมรูม
         อย่างไรก็ตาม  แม้เทคโนโลยีด้านการสื่อสาร  ด้านการอุตสาหกรรม  เกษตรกรรม  จนถึงด้านอวกาศ  จะเจริญไปไกลเพียงใด  เด็กมัธยมปลายอย่างผู้เขียนต้องเรียนรู้  เพื่อใช้  เพื่อผลิต(ในอนาคต)กันมากมายเพียงใด  แต่เราก็ต้องไม่ลืมว่า  ชีวิตมนุษย์จริง ๆก็ต้องก้าวไปด้วยปัจจัยสี่นี้แหละ  ปัจจัยที่ห้าหกจริง ๆแล้วไม่มีหรอก  เพราะอาหาร  นั้นไม่ใช่แค่ของกิน  อาหารตาอาหารใจก็ด้วย   เครื่องนุ่งห่มก็เหมือนกัน ไม่ใช่แต่เสื้อผ้า  ทุกอย่างที่ห่มกายห่มใจให้อุ่น จะเป็นอารมณ์รัก  ห่วงใยที่มากับเทคโนโลยีต่าง ๆก็นับรวมเป็นเครื่องนุ่งห่มด้วย  ยารักษาโรคก็ไม่ใช่แค่ยาจากหมอที่เป็นเม็ด  เป็นน้ำ  ทุกสิ่งทุกอย่างที่มากับเทคโนโลยีก็เป็นยาหากมันจะช่วยให้คนป่วยดีวันดีคืน  เป็นปกติเหมือนคนทั่วไป  อย่างของเล่นบำบัด  เพลง  สัตว์เลี้ยงบำบัด เป็นต้น  และแน่นอนที่อยู่อาศัยก็คงไม่ใช้แค่บ้านเท่านั้น  โฮมเพจก็เป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ด้วย   เพราะว่าเทคโนโลยี  จริง ๆแล้วก็คือการเสริมเติมแต่งให้ปัจจัยสี่ของคนเรา  ให้หลากหลาย  และเอื้อให้คนเราอยู่ได้อย่างที่ควรจะอยู่  จะเป็นไป 
          แต่ต้องไม่ลืมว่า  “คนต้องเป็นนายเทคโนโลยี”  มิเช่นนั้น  ผู้เขียนก็ไม่รู้ว่าโลกเราจะอยู่กันแบบยุ่งยากวุ่นวายมากขึ้นแค่ไหนในวันพรุ่งนี้
 

27040_friends1.jpg
รวมเพื่อน

27040_school.jpg
โรงเรียนกันทรารมย์ อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ
สำนักงานพื้นที่การศึกษาศรีสะเกษ 1

27040_ann.jpg
นางสาวจุฑามณี  ทองพีระ
นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนกันทรารมณ์
อำเภอกันทรารมย์ จังหวัดศรีสะเกษ
อาจารย์ที่ปรึกษา
นางสาววิไล  อุกาพรหม


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที