khwanjai

ผู้เขียน : khwanjai

อัพเดท: 10 ม.ค. 2017 22.34 น. บทความนี้มีผู้ชม: 90726 ครั้ง

ในบรรดาหนังสือประเภท How to ที่ฉันได้อ่านมา ไม่สามารถเปรียบเทียบกับคุณค่าที่ได้รับจากอ่านหนังสือ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เลย ที่ผ่านมาฉันอยู่ในภาวะใกล้เกลือกินด่าง ไม่รู้จักคุณค่าของสิ่งที่ตัวเองมี จนกระทั่งวันที่ 13 ตุลาคม 2559 เป็นวันที่ปวงชนชาวไทยได้สูญเสีย กษัตริย์ผู้ที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวไทยทั้งประเทศ
การเริ่มต้นศึกษาถึงเรื่องราว ชีวประวัติ และคำสั่งสอนของพระองค์ท่านอย่างจริงจัง ทำให้ฉันค้นพบว่า เราไม่จำเป็นต้องหา How to ที่ไหนเลย เพราะ How to ที่แท้จริงอยู่ในจิตใจของคนไทยทั้งประเทศอยู่แล้ว พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างให้กับคนไทยทุกด้านทั้งการ คิด พูด ทำ ....แต่ทำไมตัวฉันถึงไม่ทำ
คนโง่ คือ คนที่ไม่รู้ว่าตัวเองบกพร่องตรงไหน เพราะถ้าไม่รู้ว่าเราบกพร่องตรงไหน เราก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
คนฉลาด คือ คนที่รู้ว่าตัวเองบกพร่องตรงไหน และพยายามแก้ไขข้อบกพร่องหรือพัฒนาปรับเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้น
คนทุกคนเคยผ่านความโง่มาก่อนที่จะเป็นคนฉลาด ที่ผ่านมาฉันเคยโง่มาก่อน ไม่รู้ว่าคุณค่าที่แท้จริงที่พระมหากษัตริย์ไทยทรงให้กับประชาชนมีคุณค่ามหาศาลมากมายขนาดไหน ศาสนาพุทธสอนไว้ว่า “ธรรมใดก็ไร้ค่า ถ้าไม่ลงมือทำ”
การเริ่มต้นเดินทางของฉันนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ใคร่ขออุทิศตนในการศึกษาเรื่องราว วิธีคิด การดำเนินชีวิตของพระองค์ท่าน ผ่านการจัดทำหนังสือส่วนตัวภายใต้ชื่อ “เรียงร้อยพันเรื่องราวรอยพระบาท” โดยมีเป้าหมายทำ ‘10 เล่ม เล่มละ 100 เรื่องราวรอยพระบาทที่พระองค์ทรงทำ’ โดยใช้ความเพียรที่พระองค์ท่านสอน และเป็นแบบอย่างให้ดูตลอดระยะเวลา 70 ปีที่ผ่านมา อาจจะไม่รู้จุดจบที่แน่นอน แต่มีจุดเริ่มต้นที่ชัดเจน และทำทุกวันเพื่อถวายแด่องค์ราชันย์มหาราชของคนไทยทุกคน

Website เจ้าของผลงาน www.2b2train.com
Facebook: https://www.facebook.com/ebook4ookbee/
Storylog: https://storylog.co/khwanjai/book/581a5bfd9d526ab1781f27ba

ท่านใดต้องการติดต่อให้เป็นนักเขียนประจำคอลัมภ์ หรือลงวารสาร
ติดต่อได้ที่ email: linpootsm3@gmail.com หรือ Tel 0897333790 (หลิน)


ทำสิ่งดีๆถึงที่สุดแล้วหรือยัง

            คนที่เกิดบนแผ่นดินไทย ก็ถือว่าเป็นคนไทย คนที่เกิดมาบนโลกใบนี้ ก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง คนแต่ละคนไม่ได้แตกต่างกันเลย ความแตกต่างเกิดขึ้นเมื่อมีคนอื่นมาช่วยเติมความแตกต่างให้..ในแต่ละช่วงเวลาที่เกิดขึ้น

            เวลาในแต่ละช่วงชีวิตที่ผ่านไปในแต่ละวินาที เราแทบจะไม่ได้ให้ความสำคัญเนื่องจากคิดว่ามันอาจจะไม่มีผลอะไรต่อชีวิตมากนัก และมักจะใช้มันโดยเปล่าประโยชน์ เวลาที่ผ่านไปในแต่ละวัน สักวันหนึ่งก็จะย้อนกลับเข้าสู่ตัวเราเองไม่วันใดก็วันหนึ่ง

            ‘กว่า 4,000 โครงการ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงคิดค้นขึ้น ตลอดระยะเวลา 70 ปี และสามารถสร้างคุณประโยชน์ให้กับคนไทยอย่างยั่งยืน’

            หลายคนอาจจะตีคุณค่าของเวลาที่ผ่านไป อย่างไร้ค่า และมองแค่อนาคตแค่อันใกล้ โดยขาดการมองลึกเข้าไปถึงจิตวิญญาณแห่งความเป็นมนุษย์.......

มีเด็กไทยคนหนึ่งได้ขอร้องพ่อแม่ของเขา เพื่อขอเรียนในโรงเรียนใกล้บ้าน แต่พ่อได้ปฏิเสธคำขอของลูกชายและกล่าวว่า ‘ไม่ได้หรอกเด็กที่เรียนโรงเรียนใกล้บ้าน มาตรฐานไม่เท่ากับในเมือง พอเรียนจบ ป.6 ก็สอบเข้าที่ไหนไม่ได้ ไม่เหมือนกับโรงเรียนในเมือง เขาเข้มงวด มีการติวเพื่อให้เด็กสอบเข้าป.6 ให้ได้’

 

‘เมื่อมีสิ่งใดได้มา ก็มีสิ่งหนึ่งที่ต้องเสียไป’

ความรู้ที่ได้มา คุ้มค่ามั้ยกับการเสียจิตวิญญาณของความเป็นเด็กที่หายไป..........

-ภาพในอดีต-

            ……’แม่ เลิกเรียนแล้ว เพิ่ง 4 โมงเองขอเล่นกระต่ายขาเดียวกับเพื่อนอีกหน่อยนะ ยังไม่ค่ำเลย’……. เสียงในอดีตของฉัน ที่ส่งผ่านมายังปลายนิ้วที่ บรรจงลงบนแป้นพิมพ์ดีด ที่กำลังเคาะอยู่

            ‘ไปเลยลูก เล่นเยอะๆนะ จะได้แข็งแรง’ เสียงของแม่บอกด้วยความเอื้ออาทรและห่วงใย

-ภาพในปัจจุบัน-

            ......’เลิกเล่นเกมได้แล้ว เดี๋ยวก็สายตาเสียหรอก’…….เสียงนี้ทำให้ฉันตื่นจากภวังค์ ของภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน

 

            ‘ก็ผมไม่มีอะไรทำนี่’ เสียงเด็กชายวัย 11 ขวบ ตอบอย่างใสซื่อ

            ‘ไปทบทวนบทเรียนซะ แล้วเดี๋ยวค่อยให้เล่นเกม’ ฉันบอกเงื่อนไข เพื่อว่าช่วงเวลาที่เขาเล่นเกมฉันได้ทำอย่างอื่น

……………………………………….

            ‘ผมรอแม่อยู่ตั้งนานแล้ว แม่ไม่ยอมเข้ามาสักที ผมอยากให้แม่อ่านนิทานให้ฟัง’ เสียงเด็กน้อยพูดจากความรู้สึกที่อยู่ในใจออกมาอย่างใสซื่อ บนแววตาที่เศร้าซึม

            ‘ขอโทษนะ แม่ทำงานเพลินไปหน่อย’ ฉันตอบด้วยความรู้สึกผิด ที่ทำให้ลูกต้องรอ จนถึงเวลานอน และไม่ได้อ่านหนังสือให้ลูกฟัง

……………………………………….

-ภาพในอนาคต-

            ‘แม่ ผมไม่มีเวลามาหาแม่ครับ ผมต้องทำงานและเรียนหนักมาก แม่อย่าลืมส่งเงินมาให้ด้วยนะ’ เสียงในอนาคตของเด็กผู้ชายคนเดิมดังเข้ามาตามจินตนาการของฉันที่คิดไป

            ‘ครับลูก ดูแลสุขภาพด้วยนะ’ เสียงตอบอย่างเศร้าสร้อยทั้งที่ในใจ อยากคุยกับลูกมากกว่านี้ แต่คำตอบที่ได้รับคือ การที่ลูกไม่มีเวลาพูดคุย

            ความน้อยเนื้อต่ำใจ เป็นความรู้สึกที่มีเพิ่มขึ้น และคิดจินตนาการถึงความไม่รู้ในสำนึกบุญคุณของพ่อแม่

            ‘เมื่อตอนเธอเป็นเด็ก.... ฉันต้องทนฟังคำถามที่เธอถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยไม่บ่นสักคำ

 เมื่อตอนเธอเป็นเด็ก.... ฉันต้องทนอดหลับอดนานดูแลเธอในวันที่เธอไม่สบาย โดยไม่บ่นสักคำ

 เมื่อตอนเธอเป็นเด็ก.... ฉันต้องเหนื่อยยากลำบากในการหาเงินเลี้ยงดูเธอ โดยไม่บ่นสักคำ

 แต่ทำไมตอนนี้........เธอถึงเบื่อที่จะฟังและดูแลฉัน’

 

......หรือที่ผ่านมา ......ฉันใช้เวลาที่มีอยู่ดูแลเธอไม่ดีพอ........เพราะเธอเคยบอกฉันว่า.....ผมอยากอยู่กับแม่ แต่ทำไมแม่ไม่เคยมีเวลาให้ผมเลย........

 

….ครั้งหนึ่งในวันที่สมเด็จย่าซึ่งเป็นแม่ของในหลวงไม่สบาย รักษาตัวในโรงพยาบาล 64 วัน ในหลวงทรงเยี่ยมพระองค์ท่าน 60 วัน ในวันที่ไปเยี่ยมคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่พูดอะไรที่ทำให้แม่รู้สึกไม่สบายใจ คอยป้อนอาหารแม่ และทำสิ่งต่างๆเพื่อแม่ เพราะเวลาแต่ละวินาทีที่ท่านอยู่กับสมเด็จย่า เป็นช่วงเวลาที่ทำดีอย่างที่สุด.....

 

 


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที