เนื่องจากประเทศไทยต้องนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศเกือบ 100 เปอร์เซนต์ และใช้เพิ่มขึ้นทุกปีเฉลี่ยปีละ 5 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยตรง ที่ผ่านมาเมื่อน้ำมันโลกขึ้นราคารัฐบาลใช้วิธีการแก้ปัญหาราคาน้ำมันด้วยการใช้มาตรการควบคุมราคาน้ำมัน แต่ในยุครัฐบาลปัจจุบันได้ประกาศลอยตัวราคาน้ำมันเพื่อสะท้อนสภาพความเป็นจริงของราคาน้ำมันและต้นทุนที่แท้จริง แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลก็ยังอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลอยู่ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการขึ้นราคาของสินค้าและผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อที่จะตามมา ผลกระทบที่สำคัญจากราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้น คือ
- ผลกระทบกับการใช้จ่ายในภาพรวม เนื่องจากราคาน้ำมันดิบสูงขึ้นอย่างมาก ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าน้ำมันก็เพิ่มขึ้นมากและเร็วกว่าการขยายตัวของการส่งออก โดยในไตรมาสแรกของปี พ.ศ. 2548 มีการนำเข้าน้ำมันและน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นร้อยละ 63.9 เมื่อเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี พ.ศ. 2547 พบว่า ปริมาณการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 19.2 และราคานำเข้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 39.4
- กำลังซื้อที่แท้จริงลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นกระทบกับราคาขายปลีกน้ำมันและราคาสินค้าซึ่งผู้บริโภครับภาระ ทำให้การบริโภคของภาคเอกชนชะลอตัวลง โดยเฉพาะในสินค้าคงทนและสินค้ากึ่งคงทน เช่น รถยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า
ท่ามกลางวิกฤตพลังงานเช่นปัจจุบัน การจัดหาน้ำมันจากต่างประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย หรือสามารถจัดหาได้ การนำเข้าน้ำมันในปริมาณมากก็จะส่งผลต่อดุลการค้าของประเทศ และท้ายที่สุดก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยต้องชะลอตัวมากกว่าที่เป็นอยู่ และอาจเป็นผลทำให้ความเชื่อมั่นในการลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศลดลงอีกด้วย ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น แม้จะเป็นระดับราคาในระยะยาว แต่ก็นับได้ว่าเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่ราคาที่เป็นดุลยภาพใหม่ที่โลกจะต้องเผชิญ การดำเนินมาตรการของรัฐบาลในการส่งเสริมการประหยัดพลังงาน และการพัฒนาแหล่งพลังงานทางเลือกจึงปรากฎเป็นรูปธรรมมากขึ้น
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที