- เทคโนโลยีบรอดแบรนด์หรืออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง สามารถเชื่อมต่อโดยใช้ช่องทางการสื่อสารได้หลายรูปแบบ อาทิ
การสื่อสารทางสาย (Wired Communication)
- การเชื่อมต่อผ่านวงจรเช่า (leased line) ซึ่งเป็นที่นิยมใช้ในองค์กรและบริษัทใหญ่ ๆ เนื่องจากมีข้อดีคือสามารถรับส่งข้อมูลด้วยประสิทธิภาพความเร็วสูง ซึ่งจะมีความเร็วตั้งแต่ 1 Mbps ขึ้นไป
- การเชื่อมต่อผ่านโครงข่ายใยแก้วนำแสง (Fiber Optic Network) เป็นบริการที่สามารถรับส่งข้อมูล เสียง ภาพและวิดีโอด้วยความเร็วสูงหลายร้อยล้านบิตต่อวินาที (Mbps) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ส่วนใหญ่การใช้งานจะจำกัดอยู่ภายในองค์กรขนาดใหญ่ เนื่องจากต้นทุนการสร้างโครงข่ายมีมูลค่าที่สูงมาก
- การเชื่อมต่อผ่านคู่สายโทรศัพท์ (Digital Subscriber Line : x DSL) เป็นบริการเชื่อมต่อผ่านโครงข่ายโทรศัพท์ ซึ่งการให้บริการรูปแบบนี้มีหลายประเภท ยกตัวอย่างเช่น ADSL, SDSL, IDSL, RADSL, HDSL และ VDSL ซึ่งความแตกต่างของแต่ละประเภทจะขึ้นอยู่กับลักษณะของการให้บริการและความเร็วในการรับส่งข้อมูล ซึ่งค่าใช้จ่ายในการให้บริการก็จะแตกต่างกันออกไปด้วย อย่างไรก็ตามการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านทางคู่สายโทรศัพท์นี้ได้รับความนิยมอย่างมากจากประชาชนทั่ว ๆ ไป เนื่องจากราคาค่าบริการต่ำ ประกอบกับปัจจุบันมีการวางโครงข่ายโทรศัพท์อย่างทั่วถึงและครอบคลุม
- การเชื่อมต่อผ่านเคเบิลโมเด็ม (Cable Modem) เป็นบริการเชื่อมต่อผ่านทางโครงข่ายเคเบิลทีวี (Cable TV Network) โดยความเร็วในการรับส่งข้อมูลสามารถปรับได้สูงสุดถึง 10 Mbps[1] อย่างไรก็ตามการให้บริการในรูปแบบนี้ยังไม่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในประเทศไทยทั้งในระดับองค์กรและประชาชนทั่วไปเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างเช่น สหรัฐอเมริกา และประเทศในกลุ่มยุโรป ทั้งนี้เนื่องจากโครงข่ายเคเบิลทีวีมีการจำกัดพื้นที่การให้บริการ
การสื่อสารไร้สาย(Wireless Communication)
ระบบเครือข่ายไร้สาย (Wireless LAN : WLAN) หมายถึง เทคโนโลยีที่ช่วยให้การติดต่อสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์สองเครื่องหรือกลุ่มของเครื่องคอมพิวเตอร์สามารถสื่อสารกันได้ รวมถึงการติดต่อสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยปราศจากการใช้สัญญาณในการเชื่อมต่อ แต่จะใช้คลื่นวิทยุ (Radio Frequency) เป็นช่องทางการสื่อสารแทน การรับส่งข้อมูลระหว่างกันจะผ่านอากาศทำให้ไม่ต้องเดินสายสัญญาณ และติดตั้งใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น ระบบเครือข่ายไร้สายใช้แม่เหล็กไฟฟ้าผ่านอากาศ เพื่อรับส่งข้อมูลข่าวสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ และระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์เครือข่าย โดยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านี้อาจเป็นคลื่นวิทยุ (Radio) หรืออินฟาเรด (Infrared) ก็ได้ โครงสร้างของระบบไร้สาย มีลักษณะเหมือนเครือข่ายแลนทั่วไป กล่าวคือ มีระบบแลนเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเป็น DHCP - Dynamic Host Configuration Protocol เป็นตัวกลางที่ทำให้คอมพิวเตอร์ ไคลแอนต์ต่าง ๆ ติดต่อได้ DHCP เซิร์ฟเวอร์จึงเปรียบเสมือนศูนย์กลางของเซลที่ทำหน้าที่ติดต่อกับเครื่องลูกคล้ายระบบพีซีที DHCP จะจ่ายหมายเลข IP ให้กับเครื่องลูก และติดต่อสื่อสารกันได้ โดยเครื่องลูกจะเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตผ่าน DHCP เข้าสู่อินเทอร์เน็ต ระบบไร้สายเป็นระบบสร้างความสะดวกให้กับผู้ใช้ เพราะผู้ใช้สามารถเคลื่อนที่และยังสามารถใช้งานที่ใดก็ได้ โดยต้องอยู่ในเซลที่ DHCP ส่งสัญญาณไปถึง ลักษณะนี้จึงทำให้สร้างเซล ในองค์กร และให้บุคลากรในองค์กรใช้ผ่านระบบไร้สายนี้ได้ ซึ่งแยกออกเป็นประเภททางกายภาพได้ 4 ประเภทคือ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ อินเทอร์เน็ต และดาวเทียม
การสื่อสารผ่านเครือข่ายไร้สายปัจจุบันมีหลายประเภทขึ้นกับมาตรฐานการทำงานของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ (
บริการบรอดแบรนด์ผ่านดาวเทียม (Broadband Satellite) คือ บริการเชื่อมต่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านทางโครงข่ายดาวเทียม ซึ่งความเร็วในการรับส่งข้อมูลของบริการดังกล่าวสามารถเลือกได้ตามความเหมาะสมของการใช้งานและกำลังเงิน บริการผ่านดาวเทียมนี้มีรัศมีครอบคลุมทั่วพื้นที่ประเทศไทยและอีกหลายประเทศในเอเซียแปซิฟิก ทำให้สามารถให้บริการในพื้นที่ห่างไกลที่ยากต่อการติดตั้งโครงข่ายโทรคมนาคมแบบอื่น ๆ
การเชื่อมต่อเครือข่ายไร้สายสามารถทำได้สองรูปแบบ คือ การเชื่อมต่อแบบส่วนตัว (Ad Hoc) และการเชื่อมต่อแบบกลุ่มโครงสร้าง (Infrastructure) การใช้งานเครือข่ายไร้สายของผู้ใช้บริการทั่วไปจะเป็นแบบ Infrastructure คือมีอุปกรณ์กระจายสัญญาณ (Access Point) ของผู้ให้บริการเป็นผู้ติดตั้งและกระจายสัญญาณ ให้ผู้ใช้ทำการเชื่อมต่อ โดยผู้ใช้บริการจะต้องมีอุปกรณ์รับส่งสัญญาณซึ่งเรียกว่า "การ์ดแลนไร้สาย" เป็นอุปกรณ์รับส่งสัญญาณ ทำหน้าที่รับส่งสัญญาณจากเครื่องคอมพิวเตอร์ผู้ใช้ไป Access Pointของผู้ให้บริการ
โดยสรุปแล้วเทคโนโลยีสารสนเทศต่าง ๆ ที่ได้มีการพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ ได้เอื้อประโยชน์และสร้างความสะดวกอย่างมากให้กับการทำงานในยุคสังคมสารสนเทศเช่นปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นความสะดวกในการรับส่งข้อมูล การประชุมทางไกลแบบมองเห็นภาพและเสียง (Teleconference and Videoconference) และโทรศัพท์แบบมองเห็นภาพ (Videophone)
สำหรับในประเทศที่พัฒนาแล้วเช่นประเทศต่าง ๆ ในทวีปยุโรป มีการเสนอให้สร้างเครือข่ายรวมของยุโรป (EURO-ISDN) ขึ้นในปี ค.ศ. 1993 โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการวางมาตรฐานเพื่อประกันความสามารถในการเชื่อมต่อของเครือข่ายและการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน สำหรับแผนปฏิบัตินั้น มีการตั้งเป้าหมายว่า ภายในปี ค.ศ. 1997 จะเชื่อมเมืองใหญ่ 5 เมือง และเชื่อมมหาวิทยาลัย ศูนย์วิจัย ห้องสมุดอย่างน้อยร้อยละ 30 เข้าด้วยกัน และภายในปีค.ศ. 2000 จะมีคนทำงานที่บ้านผ่านเครือข่ายอย่างน้อยจำนวน 10 ล้านคน
[1] The International Engineering Consortium Web ProForum Tutorials, Delivering Technology Solutions for Broadband Communications, http://www.iec.org
[2] เป็นสถาบันที่กำหนดมาตรฐานการทำงานของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ได้กำหนดมาตรฐานสำหรับเครือข่ายไร้สายขึ้น คือ มาตรฐาน IEEE802.11 a, b, และ g ตามลำดับ ซึ่งแต่ละมาตรฐานมีความเร็วและคลื่นความถี่สัญญาณที่แตกต่างกันในการสื่อสารข้อมูล
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที