นักแสวงหา

ผู้เขียน : นักแสวงหา

อัพเดท: 18 ธ.ค. 2013 03.38 น. บทความนี้มีผู้ชม: 37408 ครั้ง

บริเวณหน้าศาลเจ้าพ่อเสือ คือ ที่ตั้งของชุมชนเก่าแก่แห่งหนึ่งในเขตพระนคร ที่ชาวบ้านในละแวกนั้นเรียกกันว่า "ทางสามแพร่ง" ย่านสามแพร่งนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า แพร่งภูธร แพร่งนรา และแพร่งสรรพศาสตร์


เรื่องเล่าทางสามแพร่ง กับฮวงจุ้ยในย่านเก่าแก่

 ที่มาของรูป http://forum.thaidvd.net/lofiversion/index.php/t116067-3950.html     

    แพร่งเป็นคำที่ใช้เรียกทางแยก ที่มีลักษณะเป็นทางแยก 3 ทาง ถ้าเอ่ยถึงทางสามแพร่งแล้ว ในอดีตผู้คนมักจะพูดเป็นเสียง เดียวกันว่า เป็นสิ่งไม่ดีต่างๆ นานา เป็นเรื่องราวที่มีอาถรรพ์โดยเชื่อกันว่าทางสามแพร่งนั้นเป็นที่สิงสถิตของเหล่าบรรดา สัมภเวสีต่างๆ ทั้งเทพที่เป็นเจ้านายของภูตผีปีศาจ วิญญาณของผีตายโหง ผีฆ่าตัวตาย

   
ผู้เฒ่าผู้แก่บอกว่าทางสามแพร่งจะมีเจ้านายแห่งผีที่อาศัยอยู่ จะคอยปกปักรักษาคุ้มครองคนดี ไม่ให้วิญญาณร้ายมาอาละวาดได้โดยทั่วไปแล้วหลายคนมักพูดว่าบ้าน ร้านค้าหรืออาคารต่างๆที่ตรงกับทางสามแพร่งนั้นเป็นฮวงจุ้ยที่ไม่ดีเสมอ ยังก็ยังมีบ้าน ร้านค้าหรือกิจการที่เจริญรุ่งเรื่องในบริเวณทางสามแพร่งหลายแห่งที่เปิดค้าขายกันมานานเช่นกัน

     ซึ่งความเป็นจริงแล้วทางสามแพร่งนั้นเปรียบเสมือนช่องลมขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นช่องบีบให้อากาศหรือลมนั้นเข้ามาสะสมได้มากเป็นพิเศษ และส่วนถนนด้านที่มีรถยนต์วิ่งเข้าหาบ้านหรืออาคารตรงทางสามแพร่งก็จะรับพลังงานรุนแรงเป็นพิเศษอีกด้วย

     เนื่องจากรถยนต์เวลาวิ่งเข้ามาก็จะลากกระแสพลังงานมาด้วย สังเกตุได้เมื่อรถยนต์วิ่งผ่านเราใกล้ๆนั้นเราจะรู้สึกถึงแรงลมที่รถวิ่งผ่านไปโดยลมเหล่านี้ก็เป็นพลังงาน ดังนั้นบริเวณทางสามแพร่งจะได้กระแสพลังงานสะสมจากที่รถยนต์วิ่งแล้วลากเข้ามาหาตัวบ้านหรืออาคารบริเวณนั้นเป็นพิเศษ จึงสรุปได้ว่าบ้านและอาคารที่อยู่ตรงทางสามแพร่งมีโอกาสได้รับพลังงานมากและรุนแรงเป็นพิเศษ แต่ว่าการรับพลังที่มากนั้นไม่ได้แปลว่าต้องร้ายเสมอไป

     

ภาพบ้านที่หันหน้าบ้านเจอทางสามแพ่งซึ่งเป็นเหมือนช่องลมขนาดใหญ่ที่ให้ลมพัดพลังงานเข้าสู่บ้านได้มากหรือเป็นช่องที่รถวิ่งเข้ามาแล้วลากพลังงานเข้าสู่บ้านได้ตามลูกศรในภาพ 
 

    ทางสามแพร่งที่ร้ายนั้นไม่ได้เกิดจากการที่บ้านและอาคารเหล่านั้นรับกระแสพลังงานมากจนเกินไปเป็นพิเศษ แต่จะต้องบวกกับการที่ทำเลนั้นหันไปเจอทางสามแพร่งจากองศาทิศทางของพลังร้ายอีกด้วย เพราะทางสามแพร่งเป็นแค่ตัวบอกว่าบริเวณนั้นมีพลังงานมากเป็นพิเศษแต่หากเจอองศาทิศทางที่ร้ายด้วยนั้นก็จะแปลว่าพลังงานที่พุ่งเข้ามาจากทางสามแพร่งนั้นร้ายรุนแรงเป็นพิเศษ จึงทำให้ส่งผลร้ายกับผู้อยู่อาศัยในบ้านและอาคารบริเวณทางสามแพร่งเหล่านั้น แต่ขณะเดียวกันหากทางสามแพร่งนั้นมาจากทิศทางองศาที่มีพลังงานดีกลับกลายเป็นพลังที่รุนแรงของทางสามแพร่งนั้นช่วยกระตุ้นพลังของทิศทางที่ดีจึงส่งผลให้เกิดความเจริญรุ่งเรื่องมากเป็นพิเศษได้ ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้มีบ้านหรืออาคารที่อยู่ตรงทางสามแพร่งบางที่มีปัญหาต่างๆนานาแต่บางที่กลับเจริญรุ่งเรื่องได้ 

     แต่การที่ดวงดาวนั้นมีการโคจรอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้ไม่มีทิศทางไหนเป็นทิศทางที่ดีอยู่ตลอดเวลาหรือเป็นทิศร้ายอยู่ตลอดเวลา ซึ่งองศาทิศทางที่ดีหรือร้ายนั้นก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกประมาณ 20 ปีหรืออาจจะน้อยกว่าหรือมากกว่าขึ้นอยู่ตามกับหลักของแต่ละวิชาฮวงจุ้ย โดยทุกรอบการเปลี่ยนแปลงใหญ่นั้นจะเรียกเป็นยุคของฮวงจุ้ยซึ่งปัจจุบันอยู่ในฮวงจุ้ยยุคที่ 8 ซึ่งเริ่มตั้งแต่ปี 2547 และจะหมดยุคในปี 2567

 

ที่มาของรูป http://nongsp10.blogspot.com/2013/02/blog-post.html

พื้นที่บริเวณถนนอัษฎางค์ที่ทอดตัวยาวไปจรดกับถนนตะนาวบริเวณหน้าศาลเจ้าพ่อเสือ เป็นที่ประดิษฐานเจ้าพ่อเสือ เจ้าพ่อกวนอู เจ้าแม่ทับทิม ผู้คนนิยมมาเสี่ยงเซียมซีด้วยเหตุผลว่า “แม่นมาก”คือ ที่ตั้งของชุมชนเก่าแก่แห่งหนึ่งในเขตพระนคร ที่ชาวบ้านในละแวกนั้นเรียกกันว่า "ทางสามแพร่ง"  

     

ย่านสามแพร่งนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า แพร่งภูธร แพร่งนรา และแพร่งสรรพศาสตร์ ซึ่งตั้งขึ้นตามพระนามของพระโอรส 3 พระองค์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 อันได้แก่

       พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์,

       พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าวรวรรณากร กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ และ

       พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าทองแถมถวัลย์วงศ์ กรมหลวงสรรพศาสตรศุภกิจ ซึ่งต่างเคยประทับอยู่ในย่านนี้

ความหลากหลายของผู้คน วัฒนธรรม ตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ทำให้ชุมชนสามแพร่งมีกิจกรรมย้อนยุค ผู้คนต่างพากันมาเสพสุขชื่นชมในเรื่องราว ชื่อเสียงความดั้งเดิม
 

ตลาดที่โด่งดังในอดีต เป็นแหล่งเย็บเสื้อโหล และอาหารจีนแคะ

 

 
      

         ในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งที่กรุงเทพฯ ยังไม่มีย่านแหล่งรวมวัยรุ่นสุดฮิต อินเทรนด์ อย่างสยามสแควร์และมาบุญครอง

บริเวณถนนบำรุงเมือง คือ แหล่งรวมสินค้าทันสมัยและสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ ถือเป็นย่านการค้าที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของยุคนั้น ในขณะที่แพร่งภูธรก็เต็มไปด้วยตลาดสดและร้านอาหาร ซึ่งเปิดขึ้นเพื่อรองรับบรรดาข้าราชการตามหน่วยงานต่างๆ ที่รายล้อมอยู่ในบริเวณนั้น

        ต่อมาในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อประเทศไทยก้าวเข้าสู่ยุคที่เรียกว่า "ยุคเสื่อผืนหมอนใบ"​ ชาวจีนแคะก็ได้อพยพเข้ามาอาศัยในแพร่งภูธรมากขึ้น โดยพวกผู้ชายต่างพากันเปิดบ้านเป็นโรงงานตัดเย็บเสื้อโหล ฝ่ายภรรยาก็เปิดร้านขายอาหารจีนแคะ จนทำให้แพร่งภูธรกลายเป็นแหล่งรวมร้านอาหารอร่อยแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ

        ในยุคต่อมาเมื่อหน่วยราชการต่างๆ ได้ย้ายออกไปสร้างสำนักงานในบริเวณอื่น แพร่งภูธรก็ไม่ได้เป็นศูนย์กลางการค้าที่คึกคักอีกต่อไป บรรยากาศในแพร่งฯ ค่อยๆ เงียบเหงาซบเซาไปตามกาลเวลา

        อย่างไรก็ดี แม้สิ่งต่างๆ จะเปลี่ยนไปแล้ว แต่ยังมีเอกลักษณ์สำคัญอันหนึ่งที่ช่วยแพร่งภูธรแห่งนี้ยังคงมีผู้คนแวะเวียนมาเสมอก็คือเรื่องของเมนูอาหารจานอร่อยที่หากินที่อื่นไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น โชติจิตร ร้านอาหารไทยเก่าแก่อายุกว่า 60 ปี, นัฐพร ไอศครีมกะทิแบบไทยๆ, ข้าวหมูแดงอุดมโภชนา, ข้าวเหนียวมะม่วง ก.พานิช และอื่นๆ

 

ที่มาของรูป http://forum.thaidvd.net/lofiversion/index.php/t116067-3950.html

ที่มาของรูป https://www.wongnai.com/reviews/f98696d840e34ef48e9f2a65fe6ddfc9

ที่มาของรูป http://www.painaidii.com/diary/diary-detail/000183/lang/en/

ที่มาของรูป http://stargram.sanook.com/image/386814

http://www.aroiclub.com/%E0%B8%81-%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%8A.html  

 

ทางสามแพร่งหากอยู่ตรงบ้านเรือนใครแล้ว คนโบราณจะแก้ไขด้วยสิ่งเหล่านี้ เพื่อทำให้ร้ายกลายเป็นดี

1. เสือคาบดาบ เพราะเชื่อกันว่าเสือเป็นพาหนะของเซียน สามารถปราบความเป็นอัปมงคลได้

2. กระจก 8 เหลี่ยม รูปยันต์ 8 ทิศ จะสามารถกระจายสิ่งเลวร้ายให้กลายเป็นดีได้

3. กระจกแผ่นเรียบ เป็นการเพิ่มปริมาณของสิ่งนั้นให้มีมากขึ้น เช่นการนำไปติดไว้ที่มุมมั่งคั่ง เงินทองลาภผลมีทวีคูณ

4. กระจกนูน ติดขึ้นเพื่อการแก้ไข เป็นการติดเพื่อการกระจาย สิ่งที่เลวร้าย

5. กระจกเว้า เป็นการดูดซับสิ่งที่เป็นมงคล ข้อควรระวังในการติดตั้ง คือควรอยู่เหนือศีรษะ เมื่อส่องแล้วจะเห็นใบหน้าได้ชัดเจน ตู้ปลา อ่างปลา เพื่อเสริมความสดชื่น เกิดความร่มเย็น ก่อให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ แก้ไขความหยุดนิ่ง ความแห้งแล้ง

6. กระดิ่ง ระฆัง ช่วยในการเพิ่มพลังอันสดใส ช่วยเรียกโชคลาภเงินทอง

7. เนินดิน ภูเขาหิน หิน พีระมิด ถูกโฉลกกับทางสามแพร่งที่อยู่ในตำแหน่งทิศใต้

8. ไฟ โคมไฟ ตะเกียง

9. ต้นไม้ ต้นหญ้า ศาลานั่งเล่น

10. ลูกแก้ว คริสตัลเป็นการกระจายพลังงานที่ดีให้ไหลเวียนเข้าบ้าน ช่วยแก้จุดอับมุมทึบของบ้าน

11. ขลุ่ย พิณ แคน ทำให้ลมนั้นผันแปรเป็นเสียงดนตรี นอกจากให้เป็นแสงสว่างสำหรับบ้านที่มีคาน เพดานต่ำ ซอกตึกหรือทางเดินที่อับ แคบ และทึบ

12. วงกลมเจาะรู เป็นรูปสี่เหลี่ยม ซึ่งถูกโฉลกกับทางสามแพร่งที่อยู่บริเวณทิศเหนือ


 

ที่มาข้อมูล

http://info.gotomanager.com/news/details.aspx?id=87227

http://www.baannatura.com/th/fengshui/content/detail/205.html โดย อ. เกริกวิชญ์ กฤษฎาพงษ์
http://www.tcdc.or.th/src/14993/www-tcdcconnect-com/กาลครั้งหนึ่งในย่านเก่า…-เรื่องเล่าจากทางสามแพร่งฯ


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที