นิรนาม

ผู้เขียน : นิรนาม

อัพเดท: 17 ม.ค. 2015 07.41 น. บทความนี้มีผู้ชม: 4292044 ครั้ง

www.thummech.com
เป็นความรู้เกี่ยวกับโลหะในทางทฤษฏี ทั้งโลหะที่เป็นเหล็ก และไม่ใช่เหล็ก
โลหะที่เป็นเหล็กที่จะกล่าวก็คือ เหล็ก และเหล็กกล้า
โลหะที่ไม่ใช่เหล็ก เช่น อลูมิเนียม ทองแดง แมกนีเซียม ฯลฯ
ตัวอย่างที่จะกล่าวในหนังสือเล่มนี้จะกล่าวเกียวกับ
- กรรมวิธีการผลิตโลหะ
- คุณสมบัติของโลหะ
- การวิเคราะห์โครงสร้างโลหะ
- การปรับสภาพของโลหะ
- แนวทางที่จะนำไปใช้ประโยชน์
-ฯลฯ

ลองติดตามผลงานดูนะครับ ติชมกันได้นะ มีคำถามอะไรก็ถามได้ ถ้ารู้ก็จะตอบให้ครับ

เมื่อการพัฒนาทางด้านวัตถุมีสูง มองมุมกลับ การพัฒนาทางด้านจิตใจ ด้านคุณธรรมก็ต้องให้สูงตามไปด้วย

วัตถุประสงค์ที่ทำก็คือ อยากเห็นประเทศของเรามีความทัดเทียม หรือเหนือกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว มีการสร้างเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง ไม่ต้องตามใคร


3.13 การทดสอบความแข็งแบบโมห์สเกล และตะไบ

3.13 การทดสอบความแข็งแบบโมห์สเกล

 

      โมห์สเกล (Mohs Scale) เป็นการทดสอบความแข็งที่เกิดขึ้นเริ่มแรกสุด ซึ่งเป็นการทดสอบที่คิดค้นจากนักคิดนักปราชญ์สมัยก่อน, นักปราชญ์สมัยนั้นได้คิดค้น เปรียบเทียบ และแบ่งสเกลความแข็งจากวัสดุแม่แบบออกเป็น 10 ชนิดด้วยกันโดยการเรียงลำดับตัวเลขจาก 1-10 จะเป็นวัสดุจากอ่อนสุดไปถึงวัสดุที่แข็งสุด ดูได้ที่ตาราง

 

ความแข็งแบบโมห์สเกล

ลำดับค่าความแข็ง (Mohs)

วัสดุแม่แบบ

1

แป้งทาลซ์ (Talc)

2

ยิปซัม (Gypsum)

3

แคลไซต์ (Calcite)

4

ฟลูออไรด์ (Fluorite)

5

อะพาไทต์ (Apatite)

6

ออร์โธเคลส (Orthoclase), ไมโครไซลน์ (Microcline)

7

ผลึกควอทซ์ (Quartz)

8

บุษราคัม (Topaz)

9

ไพลิน (Sapphire) ,อลูมิเนียมออกไซด์ (Corundum)

10

เพชร (Diamond)

ตารางที่ วัสดุทั้งสิบเหล่านี้แบ่งความแข็งออกเป็นโมห์สเกล วัสดุที่อ่อน (ทาลซ์) มีค่าเป็น1 และวัสดุที่แข็งที่สุด (เพชร) มีค่าเป็น 10

 

วิดีโอแสดงวัสดุเปรียบเทียบค่าความแข็งแบบโมห์สเกลจากวัสดุอ่อนสุด ไปจนถึงวัสดุแข็งสุด

แนะนำเพื่อให้อ่านได้ต่อเนื่องให้ คลิกขวาเลือก Open link in new window

 

รูปการเทียบความแข็งของวัสดุต่าง ๆ กับค่าความแข็งแบบโมห์สเกล

 

รูปแป้งทาลซ์ ความแข็ง 1 โมห์สเกล

 

รูปแร่ยิปซัม ค่าความแข็ง 2 โมห์สเกล

 

รูปแร่แคลไซต์ ค่าความแข็ง 3 โมห์สเกล

 

รูปฟลูออไรด์ ค่าความแข็ง 4 โมห์สเกล

 

รูปอะพาไทต์ ความแข็ง 5 โมห์สเกล

 

รูปออร์โธเคลส ค่าความแข็ง 6 โมห์สเกล

 

รูปผลึกควอทซ์ ค่าความแข็ง 7 โมห์สเกล

 

รูปบุษราคัม ค่าความแข็ง 8 โมห์สเกล

 

รูปไพลิน ค่าความแข็ง 9 โมห์สเกล

 

รูปเพชร ค่าความแข็ง 10 โมห์สเกล

 

      วิธีใช้การวัดความแข็งแบบโมห์สเกล เปรียบเทียบกับวัสดุแม่แบบ โดยการเอาชิ้นงานชิ้นหนึ่งมาทดสอบ นำไปขีดกับวัสดุแม่แบบทีละชนิดอาจเรียงจากวัสดุแม่แบบอ่อนสุดไปถึงแข็งสุด หรือจากแข็งสุดไปถึงอ่อนสุด หรือเลือกวัสดุแม่แบบก็ได้ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้ทดสอบ จนชิ้นงานทดสอบเกิดรอยบนชิ้นงาน ความแข็งก็จะเป็นค่าโมห์สเกลนั้น

      ยกตัวอย่างทดสอบ เช่น ชิ้นงานชิ้นหนึ่งเมื่อนำมาขีดกับบุษราคัม เกิดรอย นำไปขีดกับควอทซ์เกิดรอย ออร์โธเคลสก็เกิดรอย แล้วเรียงลำดับไปจนถึงขีดกับ ฟลูออไรด์ไม่เกิดรอยที่ชิ้นงาน ค่าความแข็งชิ้นงานนี้จะอยู่ในระหว่าง 4 และ 5 โมห์

การทดสอบค่าความแข็งแบบโมห์สเกลนั้น แน่นอนว่ามีความหยาบในการวัดความแข็ง แต่ในปัจจุบันการทดสอบความแข็งแบบนี้มันยังมีประโยชน์ และมีประโยชน์ในบางสาขาเช่น ในงานของนักธรณีวิทยาจะนำมาใช้บ่อยเพื่อขุดสำรวจหาทรัพยากรธรรมชาติ อีกอย่างหนึ่งการทดสอบความแข็งแบบโมห์สเกลนี้เป็นต้นแบบของการพัฒนางานทดสอบความแข็งวิธีการอื่น ๆ

 

3.14 วิธีการทดสอบความแข็งแบบตะไบ

 

      วิธีการตะไบ (File)  เป็นวิธีการที่รวดเร็ว, ง่าย และสะดวก แต่ไม่แม่นยำ อย่างไรก็ตามมันทำการวัดได้เร็ว ดังนั้นมันใช้ได้อย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมดูรูปด้านล่าง

 

รูปชุดตะไบที่ใช้ทดสอบความแข็งโดยการตะไบผิววัสดุ ถ้าไม่มีก็สามารถใช้ตะไบธรรมดาที่ใช้งานอยู่ก็ได้

 

รูปการทดสอบความแข็งด้วยตะไบ

 

      การใช้ตะไบทดสอบความแข็ง ผู้ตรวจสอบ นำตะไบมาถูกับวัสดุเพื่อทำให้เกิดรอยขูด ทดสอบวัสดุโดยใช้ตะไบถูให้เกิดเศษมาติดที่ปลายตะไบ ถ้าวัสดุไม่มีเศษ เป็นชิ้นงานแข็ง (File hard) ถ้ามีเศษออกมา เป็นชิ้นงานที่ไม่แข็ง (Not file hard)

      การวัดความแข็งแบบนี้เป็นการวัดแบบหยาบ ๆ ไม่รู้ค่าที่แน่นอน แต่ถึงอย่างไร ภาคอุตสาหกรรมก็นิยมนำมาใช้เพราะบ่อยครั้งที่ผู้ทำการตรวจสอบความแข็ง ต้องการความง่ายในการตรวจสอบชิ้นงานบางชิ้นที่ไม่ต้องการตัวเลขค่าความแข็ง

      วิธีการทดสอบแบบนี้ไม่ต้องการได้ค่าที่แม่นยำ การใช้ตะไบทดสอบความแข็งจะขึ้นอยู่กับประสาทสัมผัสของมือของผู้ตรวจสอบ และความคมของตะไบ เหมาะสำหรับผู้ตรวจสอบที่มีประสบการณ์ในการใช้ตะไบในการตรวจสอบวัสดุ ผู้มีทักษะในการทำงานมากก็จะบอกได้ว่าวัสดุนี้มีความแข็งมากน้อยเพียงไรความผิดพลาดก็จะมีน้อยลงไปด้วยตามประสบการณ์

 

ข้อคิดดี ๆ ที่นำมาฝาก

“ประสบการณ์  คือ การเรียนรู้จากความผิดพลาดของตนเอง

ความรู้ คือ การเรียนรู้จากความผิดพลาดของคนอื่น”


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที