khwanjai

ผู้เขียน : khwanjai

อัพเดท: 12 ก.พ. 2010 16.27 น. บทความนี้มีผู้ชม: 7265 ครั้ง

แค่เปลี่ยนความคิด ชีวิตก็เปลี่ยน


ฉลาดคิด ทำอย่างไร

       อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเราก็คือ ความคิดของตัวเราเอง ถ้าเราคิดในแง่ลบชิวิตก็จะติดลบถ้าเราคิดในแง่บวก ชีวิตก็จะบวกตามไปด้วย ทำไมจึงเป็นอย่างนั้น ผู้เขียนขอยกตัวอย่าง
 
      แอชเชอร์ โมเสส จากอดีตขับรถแท็กซี่ธรรมดาคนหนึ่งในประเทศอังกฤษ กลายมาเป็นเศรษฐี เจ้าพ่อสื่อโฆษณาบนรถเท็กซี่ในประเทศอังกฤษ ภายใต้กิจการที่มีชื่อว่า " Taxi Promotion" ซึ่งเป็นการขายสื่อให้กับธุรกิจการท่องเที่ยวเป็นหลัก แม้แต่การท่องเที่ยวของประเทศไทยก็เคยใช้ริการมาแล้ว
 
      ครั้งหนึ่ง แอชเชอร์ เคยเป็นคนขับรถแทกซี่ที่ตกอับคนหนึ่ง วันหนึ่งขณะที่เขาเดินอยู่หน้าร้านพิซซ่า เขาได้ยิน ดีเจทางวิทยุสถานีหนึ่ง พูดขึ้นว่า "คุณจงมองหาสิ่งที่มีอยู่ตอนนี้และทำประโยชน์จากมันให้ได้ " คำพูดนี้ ฉุดความคิดเขาขึ้นมา เขามีเพียงแค่แท็กซี่ 1 คัน แต่ความคิดดังกล่าวก็ผลักดันให้เขาเป็นเศรษฐี เจ้าพ่อสื่อโฆษณาบนรถเทกซี่ในประเทศอังกฤษในปัจจุบัน
 
      จากตัวอย่างข้างต้นทำให้เรามองเห็นว่าความคิดของเรานั้นสำคัญทีเดียว
และถ้าจะให้มันมีประสิทธิภาพ เราต้องฉลาดคิดด้วยนะ ไม่ใช้สักแต่คิดอย่าง
เดียว แล้วเราจะทำอย่างไรให้สมองของเราฉลาดคิดดีล่ะ ?
 
      ผู้เขียนขออนุญาติ ยกตัวอย่างสถานการณ์ขององค์กรแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ทุกคนมีการวางแผน เตรียมตัวที่จะเข้ารับการตรวจสอบและรับรองคุณภาพจากสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพจากหน่วยงานแห่งหนึ่งในเดือนพฤษภาคมนี้ และตอนนี้งานทุกคนยุ่งมาก โดยเฉพาะศุนย์คุณภาพของหน่วยงานแห่งนี้ คุณ L ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในศูนย์นี้มีความคิดว่า
      1. งานเยอะมาก
      2. เวลาที่มีอยู่ก็ไม่น่าเพียงพอสำหรับการเตรียมการรับรอง
      3. หัวหน้างานก็กดดัน กระตุ้นให้ทำ report ให้เสร็จ โดยไม่ได้มองดูคุณภาพ
      4. ตัวเราเองก็รู้สึกผิดที่เอาเวลาที่ให้กับลูกไปทำงานให้กับหน่วยงาน
 
      ผู้เขียนหลายคนที่อยู่ในสภาวะการณ์เช่นนี้ก็คงคิดลักษณะเช่นนี้หลายคน ยิ่งคิดเช่นนี้ ยิ่งรู้สึกเบื่อ ยิ่งไม่อยากทำ บางคนอาจคิดถึงขั้นลาออกเลยก็มี
 
     คุณผู้อ่านคิดว่าความคิดเหล่านี้ผิดหรือไม่?
 
      1. ผิด เพราะว่าเราทำงานให้กับองค์กร องค์กรให้เงินเรา เราก็ต้องทำงานให้กับเงินที่เขาจ้างมา ไม่ใช่เอาแต่นั่งเบื่อเซ็งไม่อยากทำงาน
      2. ไม่ผิด เพราะคนเราก็มีสิทธิ์คิด เราก็เป็นปุถุชนคนหนึ่ง
      3. อื่นๆ
 
 โดยส่วนตัวผู้เขียนคิดว่า คำตอบที่ถูกคือ ข้อ 2 แต่มันก็ไม่ได้ความสำคัญว่าเราจะคิดอย่างไร แต่สิ่งที่เราคิด มันส่งผลต่อพฤติกรรมของเราอย่างไร จริงอยู่เราคิดในเชิงลบ แต่ความคิดเชิงลบของเรา เราได้มาต่อยอดแบบคนฉลาดคิดหรือเปล่า
แล้วคนฉลาดคิดเขาคิดอย่างไรละ?
 
         จากตัวอย่างข้างต้นเรามาดูการคิดแบบคนฉลาดคิดกัน จากตัวอย่างของคุณ L ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่คน หนึ่งในศูนย์นี้มีความคิดว่า

        1. งานเยอะมาก... คิดต่อยอดเป็น.... แล้วเราจะมีการบริหารจัดการงานที่มีอยู่อย่างไรดี???
 
        2. เวลาที่มีอยู่ก็ไม่น่าเพียงพอสำหรับการเตรียมการรับรอง.... คิดต่อยอดเป็น.... แล้วเราจะมีแผนงานรองรับการทำงานและเวลาที่มีเหลืออยู่อย่างไร?
 
        3. หัวหน้างานก็กดดัน กระตุ้นให้ทำ report ให้เสร็จ โดยไม่ได้มองดูคุณภาพ.....คิดต่อยอดเป็น.... ต่างคนต่างความคิดเขาแค่ทำหน้าที่ของเขา แล้วหน้าที่ของเรา เราทำได้ดีแล้วหรือยัง ยังมีจุดไหนที่เราสามารถช่วยให้เราทำ report ได้ทันเวลา?
 
       4. ตัวเราเองก็รู้สึกผิดที่เอาเวลาที่ให้กับลูกไปทำงานให้กับหน่วยงาน...คิดต่อยอดเป็น....ปกติเรามีเวลาอยู่กับลูกเท่าไหร่เรามีเวลานอนเท่าไหร่ต่อวัน ถ้าเราลดเวลานอนสักนิดนึงเพื่อเวลาที่เหลือไปทำงาน เราจะกำหนดเวลาอย่างไร?
 
         จากการคิดแบบฉลาดคิดเราจะเห็นว่าเขามีความคิดแบบไม่เป็นในลักษณะความคิดปลายปิด แต่จะเป็นไปในลักษณะความคิดปลายเปิด เช่น ทำอย่างไรดี? จัดการอย่างไร?  กำหนดเวลาอย่างไร?
 
               ผู้เขียนคิดว่าจากแนวคิดดังกล่าว คงจะทำให้คุณผู้อ่านรู้สึกมีไฟและมีพลังในการทำงานหรือการจัดการกับอุปสรรคทั้งปวงได้บ้างนะคะ
...ถ้ามีเวลาจะเขียนเรื่องอื่นมาให้อ่านกันต่อ.... lucky in love, lucky in work...ค่ะ
 
 
 

 

บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที