ไขมัน(lipid) เป็นสารชีวโมเลกุลที่เป็นมัน ไม่ละลายน้ำ แต่ละลายได้ในตัวทำละลายอินทรีย์(organic solvent) เช่น คลอโรฟอร์ม (chloroform) และเมทานอล (methanol) เป็นต้น ไขมันที่เราได้จากการรับประทานพบในอาหารแทบทุกชนิด บางชนิดมีมาก บางชนิดมีน้อย (ตาราง 8.4) ส่วนใหญ่ของไขมันที่อยู่ในอาหารคือ ไตรกลีเซอไรด์ (triglyceride) แต่ละโมเลกุลของไตรกลีเซอไรด์ ประกอบด้วยกลีเซอรอล (glycerol) และกรดไขมัน (fatty acid) โดยกลีเซอรอลทำหน้าที่เป็นแกนให้กรดไขมัน 3 ตัวมาเกาะอยู่ กรดไขมันทั้ง 3 ชนิดอาจเป็นชนิดเดียวกันหรือต่างชนิดก็ได้
ไขมันประกอบด้วยธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจน และออกซิเจนเช่นเดียวกับคาร์โบไฮเดรต แต่อัตราส่วนของธาตุเหล่านี้ไม่เหมือนกับคาร์โบไฮเดรต (คาร์โบไฮเดรตอัตราส่วนระหว่าง H : O = 2: 1) จำนวนออกซิเจนจะมีอยู่น้อย ส่วนจำนวนคาร์บอนและไฮโดรเจนนั้นมีอยู่ต่าง ๆ กันตามชนิดของไขมันนั้น ๆ
ไขมันนี้อาจเป็นของแข็งหรือของเหลวที่อุณหภูมิห้อง ขึ้นอยู่กับชนิดของกรดไขมันที่จับกลีเซอรอล หากเป็นกรดไขมันอิ่มตัวมากจะเป็นของแข็งที่อุณหภูมิห้อง แต่ถ้ามีกรดไขมันไม่อิ่มตัวมากก็จะเป็นของเหลวที่อุณหภูมิห้อง กรดไขมันไม่อิ่มตัวส่วนใหญ่จะพบในอาหารที่มาจากพืชโดยเฉพาะถั่วเหลือง ดอกทานตะวัน ข้าวโพด ซึ่งจะมีกรดไขมันจำเป็นอยู่ด้วย
ไขมันจัดเป็นสารชีวโมเลกุลที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย ไขมัน 1 กรัมให้พลังงานแก่ร่างกายสูงถึง 9 กิโลแคลอรี ซึ่งสูงเป็นสองเท่าของคาร์โบไฮเดรต และโปรตีนที่ปริมาณ 1 กรัมให้พลังงานเพียง 4 กิโลแคลอรี ร่างกายของเราสามารถสร้างไขมันจากคาร์โบไฮเดรตได้ แต่ไม่สามารถสร้างกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย 3 ชนิด ได้แก่ กรดไขมันไลโนเลอิก (linoleic acid) กรดไขมันไลโนเลนิก (linolenic acid) และกรดไขมันอะราชิโดนิก (arachidonic acid) ซึ่งกรดไขมันจำเป็น(essential fatty acid) เหล่านี้เป็นกรดไขมันแบบไม่อิ่มตัว ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น
บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที