ชนิตพล

ผู้เขียน : ชนิตพล

อัพเดท: 18 ม.ค. 2014 06.10 น. บทความนี้มีผู้ชม: 988721 ครั้ง

"ประสบการณ์ยิ่งมากยิ่งมีคุณค่าควรรู้และยิ่งมีค่ามากที่สุดเมื่อถูกถ่ายทอดออกมาจากใจ"


วันที่ 28 การบริหาร..ความสุขบนโลกของจักรวาล(4)

ตอนที่ 108

วันที่ 28

การบริหาร..ความสุขบนโลกของจักรวาล (4)

 

อาจารย์ดอน : วันนี้!…ขอให้ส่งการบ้านที่ค้างอยู่(ในตอนที่105)  

ศิษย์โดม :  ครับ! ผมเตรียมมาแล้วและขอตอบทั้ง 2  ข้อดังนี้:-

ข้อที่ 1…..การระดมสมอง (brainstorming) เป็นการระดมความคิดเห็นร่วมกันเพื่อหาข้อสรุปในการทำกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง….เป็นการรวบรวม แล้ววิเคราะห์ เพื่อหาวิธีแก้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น…..การระดมสมองต้องทำในเวลาที่เหมาะสม…ไม่นานจนเกินไป ราว 30-40 นาที โดยมีการกำหนดกรอบ 5 ข้อคือ…1. ต้องฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน…โดยทุกคนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น…2. ต้องปล่อยให้เกิดความอิสระในความคิดและการแสดงออก อย่างกว้างขวางนอกประเด็นได้บ้างแต่ต้องอยู่ในกรอบ….3. มีการเปิดเวทีเพื่อให้โอกาสทุกคนได้อภิปรายความคิดเห็น…ไม่เถียงกันจนหน้าดำ ถึงขนาดจะเอาเป็นเอาตายกัน เพราะจะทำให้เกิดบรรยากาศที่ตรึงเครียดและต้องไม่ให้เกิดการประทะคารมกันโดยเด็ดขาด….4. ต้องรวบรวมผลที่ได้ทั้งหมดมาวิเคราะห์….เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาและหาแนวทางแก้ไข…..ส่วนขั้นตอนในการดำเนินงานก็คือมีการสำรวจปัญหาและผลกระทบ…หาข้อสรุปจากข้อมูลที่รวบรวมมา จนมีบทสรุปและสร้างแนวความคิดเพื่อลงสู่…ภาคปฏิบัติ…มีการพัฒนาและหาแนวทางแก้ไข….5. ควรมีการใช้เครื่องมือในการช่วยเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล….จึงจะไม่เกิดความเคลียดในการทำงานภายในช่วงเวลาจำกัด

ข้อที่ 2…..ผมพอสรุปหลักของ…การคิดให้เป็น…ได้เป็น…5…ข้อดังนี้ :-

  1. ต้องใช้สติและปัญญาในการคิด….เพื่อมิให้หลงในความคิด และเข้าใจถ่องแท้ในสิ่งที่คิด….ก่อให้เกิดการรับรู้สิ่งใหม่ๆ
  2. ต้องหมั่นฝึกสติเพื่อสร้างปัญญา ทำให้เกิดทักษะในการคิด….เกิดความคิดแบบสร้างสรรค์ (creative thinking) และหลากหลาย เกิดต้นแบบ แนวทางใหม่ๆที่ถูกต้อง
  3. ต้องยอมรับในรูปแบบของการคิดที่หลากหลายและถูกต้อง…อย่างสร้างสรรค์…..การคิดที่ทันการณ์ รวดเร็วทันเวลา ตอบตรงโจทย์ ไม่หลงประเด็น…..และมีความมุ่งมั่นสูงตั้งใจสูงแบบ....aggressive….ดุดันแต่ไม่มุทะลุ!   
  4. ต้องสามารถวิเคราะห์และสังเคราะห์…ตีประเด็นโจทย์แตก ถูกต้อง แม้นยำ และหาเกณฑ์ตัดสินที่เป็นธรรม….โดยเคารพ เชื่อมั่น คำตอบที่ได้ตัดสินไปแล้ว…ว่าดีที่สุดในสถานการณ์นั้นๆแบบ….value and evaluation thinking
  5. ต้องไม่ซับซ้อน….สามารถนำลงสู่ภาคปฏิบัติได้…implementation thinking

ครับ!....คำตอบของผมไม่มั่นใจว่าตรงประเด็นที่ท่านอาจารย์ถามหรือเปล่า!

อาจารย์ดอน : ตรงประเด็นดี!……เป็นการตอบคำถามโดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูล…..อาจารย์สรุปภาพรวมๆของคำตอบให้ฟังดังนี้…โดม…มีสติและใช้ปัญญาเป็นที่ตั้งในการตอบโจทย์ที่ว่า…..คิดให้เป็น….การเป็นผู้ครองสติและใช้ปัญญานำชีวิตเป็นวิธีที่ถูกต้องและสามารถทำให้เกิดความคิดกว้าง ก้าวไกล รอบรู้และยอมรับความคิดใหม่ๆที่จะเข้ามาเพื่อพัฒนาศักยภาพของตนเอง เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ก่อให้เกิดความสามารถทางด้านความคิดที่หลากหลาย และหลักแหลม เฉียบคม รวดเร็ว ตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้ทันเวลา….ทั้งหมดนี้ผ่านกระบวนการวิเคราะห์และสังเคราะห์….ด้วยเวลาที่จำกัด…แต่มีความถูกต้อง…..ดูเหมือนว่า คำตอบทั้งหมดนี้…ได้ผ่านการระดมสมองมาด้วย!

ศิษย์โดม :  ครับ!...ระดมตามสถานการณ์จริงที่เอื้ออำนวยให้ครับ!

อาจารย์ดอน : นั่นหมายความว่า…การระดมสมองในขณะที่อยู่ลำพังก็ทำได้ใช่ไหม?

ศิษย์โดม ครับ!....ใช้ระบบ…recall from memory….

อาจารย์ดอน : คือ memory ต่างๆเหล่านั้นก็ต้องผ่านกระบวนการ….brain defrag…มาแล้ว!

ศิษย์โดม :  ครับ!....ระบบนี้ต้องใช้ทั้ง สติ ปัญญาและสมาธิ

อาจารย์ดอน : เอ่อ...พิมพ์สุชา…การบ้านน่าจะเตรียมมาเป็นอย่างดีเช่นกัน!

ศิษย์พิมพ์สุชา :  ค่ะเตรียมมาแล้ว!...การคิดให้เป็น…ต้องเริ่มจากการมีทักษะในการคิดเป็นรูปแบบต่างๆเชิงบวก…โดยต้องคิดดีแล้วจึงทำความดี….เป็นประโยชน์…..จึงจะทำให้เกิดการกระทำที่ดีออกมา…ดังนั้น…การคิดเป็น…จึงมีความสำคัญต่อมนุษย์ที่อยู่ในสังคม…ก่อให้เกิดความผาสุข/ราบรื่น/กินดีอยู่ดี/สังคมที่ดี….การคิดเป็น…ทำให้มนุษย์ปรับตัวให้อยู่ในทุกสภาวะได้….สามารถดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องครองตนอยู่ในสติโดยตลอด…เมื่อพบกับปัญหาและอุปสรรคก็สามารถแก้ไข/ต่อสู่…จนบรรลุเป้าหมายและมีชีวิตที่เป็นปกติสุข

                      หลัก 5 ข้อ ของการปฏิบัติเพื่อให้เกิด..การคิดให้เป็น..สรุปได้ดังนี้

1.  ต้องคิดแบบเก็บรายละเอียด (detail scan)  และแยกแยะเหตุผลของแต่ละกิจกรรม/เหตุการณ์ ทั้งที่ได้รับความสำเร็จ/ล้มเหลว ทั้งที่มีปัญหาและราบรื่น พร้อมหาแนวทางแก้ปัญหา  

2.  ต้องสามารถแยกความแตกต่าง (differentiation based)….ของข้อมูลที่มีอยู่และที่ได้รับมา โดยเปรียบเทียบกับข้อเท็จจริง วิเคราะห์ความเป็นไปได้ของข้อมูลทั้งหมด….จนสามารถแสดงความคิดเห็นได้หลายแง่หลายมุม…ทั้งที่เป็นเเชิงบวกและเชิงลบ

3.   ต้องหาสาเหตุของปัญหาเพื่อใช้ในการวิเคราะห์ปัญหา (reasonable based)….รวบรวมข้อมูลที่วิเคราะห์ให้เป็นหมวดหมู่

ทำความเข้าใจเหตุการณ์/ปรากฏการณ์….ที่เกิดขึ้นโดยการฝึก เดา/คาดการณ์ล่วงหน้า โดยการสร้างกิจกรรมจำลอง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่างๆ

4.   ต้องจัดลำดับเหตุการณ์ ลำดับความสำคัญ (sequence based) ของบุคคล สถานที่ สิ่งของ และสามารถสรุปประเด็นเหตุการณ์นั้นๆได้

5.   ต้องจัดเรียงความคิดและฝึกคิดบ่อยๆ (brain defrag based) เพื่อเสริมสร้างสมองและหมั่นฝึกตัดสินใจ โดยหาคำอธิบาย / ความหมายจากข้อมูลต่างๆที่มีอยู่ โดยจัดหาเครื่องมือเพื่อสนับสนุนการจัดเก็บข้อมูลให้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น……ทั้ง 5 ข้อนี้ต้องมีกระบวนการเรียนรู้และฝึกฝนจนเกิดทักษะ

อาจารย์ดอน :  หลักทั้ง 5 นี้ควรจะอยู่ในหมวดของ…การสร้างความคิดแบบใช้วิจารณญาณ

กล่าวโดยรวม…ควรจะให้... “การคิดให้เป็น”…อยู่ในกรอบของ…ทักษะ..ลักษณะ และกระบวนการคิด

ศิษย์พิมพ์สุชา :  ท่านอาจารย์ค่ะ!....หนูมีคำถามเกียวกับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องกับการฝึกอบรม…หรือการโค้ชระดับ…ผู้นำ/ผู้บริหาร…จะต่างกับ kaizen อย่างไร?

อาจารย์ดอน :  โดม พอเข้าใจในคำถามของ พิมพ์สุชา ไหม!

ศิษย์โดม :  ครับ!....ที่ท่านอาจารย์ได้เคยกล่าวมาแล้วว่า…ไคเซ็น…เป็นแนวคิดที่ใช้ในการบริหารจัดการ          ทั้งการจัดระเบียบ ในเรื่องของส่วนตัวบุคคล และส่วนรวมคือ…องค์กรมุ่งเน้นที่ประสิทธิผล โดยการปรับปรุงวิธีการ….ดำเนินชีวิตประจำวัน….วิธีการทำงาน….การมีส่วนร่วมของทุกคน ทุกระดับ ในองค์กร แสวงหาแนวทางใหม่ ๆ เพื่อใช้ปรับปรุงวิธีการทำงาน….ให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย…ทุกๆฝ่ายไม่ว่าจะเป็นฝ่ายปฏิบัติการ ฝ่ายบริหาร ต้องร่วมมือกันทำ/นำพา…ไปสู่เป้าหมายเดียวกัน และท่านอาจารย์กล่าวไว้อีกว่า…การฝึกอบรมทุกประเภท เป็นการพัฒนา ให้ดียิ่งขึ้น เป็นลำดับๆ….ไม่หยุดนิ่ง  ค่อยเป็นค่อยไป…ทุกบุคคล ทุกระดับ ต้องได้รับและผ่านการฝึกอบรมมาแล้วไม่มากก็น้อย….เป็นการสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ค่อยๆเปลี่ยนพฤติกรรม วัฒธรรม ตามความเหมาะสมและเหตุการณ์ แต่ต้องมีจุดเริ่มและที่สำคัญภายหลังการฝึกอบรมแต่ละครั้งจบลงแล้ว….มักจะขาดการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง…ใครนำมาใช้ก็ได้ผลและจะมาสะคุดตรงที่ว่า….ไม่มีการใช้ทั่วทั้งองค์กร….เมื่อพบเช่นนั้นก็เกิดการท้อและเลิกลากันไป…เพราะขาดผู้นำ

อาจารย์ดอน :  ใช่!...การฝึกอบรมต้องอยู่ในแผน ไคเซ็น หรือนำแผนไคซ็น มาใช้ในกระบวนการฝึกอบรม ก็ได้…..ไม่ต้องยึดติดรูปแบบมากนัก!....สำคัญอยู่ที่ว่าต้องมีความเข้าใจว่า….การฝีกอบรมเป็นกระบวนการ (process) ก็พอ.....จะได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง!

////////////////////////////////////////

3/4/2555


บทความนี้เกิดจากการเขียนและส่งขึ้นมาสู่ระบบแบบอัตโนมัติ สมาคมฯไม่รับผิดชอบต่อบทความหรือข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และหากท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือทำให้เกิดความเสียหาย หรือละเมิดสิทธิใดๆ กรุณาแจ้งมาที่ ht.ro.apt@ecivres-bew เพื่อทีมงานจะได้ดำเนินการลบออกจากระบบในทันที